วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ทานยิ่งใหญ่ (เครื่องหมายความเจริญ) ทานยิ่งใหญ่ เป็นเครื่องหมาย ความเจริญ ตรงข้ามกับ ทางเพลิน เดินตามตัณหา ตามน้ำไหล สบายๆ คล้ายหมู่ปลา มีความอยากนำหน้า เที่ยวมองหาเหยื่อ

 ทานยิ่งใหญ่
(เครื่องหมายความเจริญ)

ทานยิ่งใหญ่ เครื่องหมาย ความเจริญ
ตรงข้ามกับ ทางเพลิน เดินตามตัณหา
ตามน้ำไป สบายๆ คล้ายหมู่ปลา
มีความอยากนำหน้า เที่ยวมองหาเหยื่อ

ทานยิ่งใหญ่ คลายความตระหนี่
ได้สติ ไม่เดินตามตัณหา
เดินทางธรรม แสวงบุญญา
สงเคราะห์ญาติกา สร้างบารมี

ทานยิ่งใหญ่ ประตูชัย เข้าสู่ทางธรรม
ทางบุญอุปถัมภ์ จะไม่ตกต่ำตลอดไป
ส่วนทางตัณหา ทางกิเลส เชื่อไม่ได้
ทางโลกีย์ อันตราย ไหลตามกิเลส

 ความตระหนี่ ใจคับแคบ แสบคน
ใจมืดมน อนธการ เหี่ยวแห้ง
ผิวพรรณวรรณะ ดำคล้ำ คนลงแดง
อันเป็นต้นแหล่ง แห่งความฉิบหาย

การทำทาน ทำให้ใจเรานั้นนุ่มนวล
อันควร..แก่การงาน อย่างยิ่ง
งานไม่คั่งค้าง ทุกอย่างราบรื่น ดีจริงๆ
และยังสุขใจยิ่ง เป็นมิ่งมงคล

เมื่อใจสุข มารยาทงาม จะตามมา
นั่นแหละหนา คือศีล
คุณธรรมใหญ่ ใช่ เหมือนแผ่นดิน
ภัยทั้งสิ้น ไม่ใกล้ และสมบัติใหญ่จะมา

ทานทำให้ใจ หายตระหนี่
จึงมีสติ อยู่ในตน เป็นคนดี ได้
ขจัดตัณหา เป็นสันโดษสมถะ ได้ง่ายๆ
เจริญภาวนาได้สบาย เป้าหมายชีวิต

;;;;;;;;;;


วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

หลงโลก (หนีทุกข์โศกไม่พ้น) ผู้มีบุตร ที่สุดย่อมเศร้าโศก เพราะบุตร ผู้มีโค ก็ประดุจ เดียวกัน เพราะอุปธิ นรชน จึงเป็นเช่นนั้น ความโศกศัลย์ จะมี ด้วยอุปธินั่นเอง

 หลงโลก
(หนีทุกข์โศกไม่พ้น)



ผู้มีบุตร ที่สุดย่อมเศร้าโศก เพราะบุตร
ผู้มีโค ทุกข์เพราะโค ดุจเดียวกัน
เพราะอุปธิ นรชน จึงเป็นเช่นนั้น 
ความโศกศัลย์ จะมี ด้วยอุปธินั่นเอง

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กฎไตรลักษณ์
 จงรู้จัก ที่ทรงสภาวะไตรลักษณ์ คืออุปธิ
สิ่งภายนอกทั้งหลาย ล้วนเป็นอย่างนี้
เป็นอุปธิ เป็นทุกข์ มิอาจควบคุมได้

สิ่งภายนอกทั้งหลาย ดูคล้าย พยับแดด
เห็นแม็บๆแต่ไกล คล้ายมีจริง
เข้าใกล้ กลับห่างไป หลอกให้วิ่ง
ของทุกสิ่ง จริงๆ หลอกให้วิ่งตาม

มีลักษณะอนิจจัง ฉุดลั้งไว้ก็ไม่อยู่
เหมือนน้ำ ย่อมไหลลู่ ไปสู่ทะเล
เสื่อมสลาย ไม่เหลือ เช่นของเก๊
ใครหลงยึด เป็นจบเห่ ผิดหวัง

มีลักษณะทุกขัง คือผิดหวัง ไม่พอใจ
ที่ร้าย คือพาห่างไกลสันโดษ
เหมือนเกาตุ่มคัน แสนรำคาน ต้องอด
เพิ่มอารมณ์โกรธ กลาดเกลี้ยว

มีลักษณะ อนัตตา
คือว่า มันไม่เป็นไปตามใจเรา
ดังนั้น ใครยึดติดสิ่งภายนอก นั้นเขลา
สักวันหนึ่ง สูเจ้า จะต้องเสียใจ

ชีวิตทางโลก หนีทุกข์โศกไม่พ้น
ต้องเป็นคนมีสติ มิลืมตนลืมตัว
เดินทางธรรม ทานศีลภาวนา สุดขั้ว
เลิกทำชั่ว ทำดี ทำใจผ่องใส

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ความตระหนี่ (ภัยชีวิต) ผู้ใด มีนิสัยขัดเคือง ขุ่นข้อง ปราถนาลามก ตาจ้อง แต่จะเอา ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย โง่เขลา ไม่เกรงกลัวบาป ดูเบา เขาคือคนเลว

 ความตระหนี่
(ภัยชีวิต)


ผู้ใด มีนิสัยขัดเคือง ขุ่นข้อง
ปราถนาลามก ตาจ้อง แต่จะเอา
ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย โง่เขลา
ไม่เกรงกลัวบาป ดูเบา เขาคือคนเลว

คนเลวคนพาล เป็นเสนียด อย่าเฉียดใกล้
ห่างให้ไกล สุดหล้า เหมือนฟ้ากับเหว
ยิ่งกว่าโรคร้าย อันตรายจากคนเลว
พาลสุดเหลว คือกิเลสร้าย ในใจเราเอง

ขุ่นเคืองขัดข้อง ด้วยใจมันแคบ
เป็นคนแสบ ไม่เอาใคร คนใจดำ
ปากเหมือนมีหนาม คอยทิ่มตำ
คนชั้นต่ำ ปากตลาด

ปราถนาลามก ใจสกปรก มีแต่จะเอา
เป็นคนเน่าใน ตระหนี่ ถี่หนียว
เป็นคนไม่ใช่คน เป็นคนเขี้ยว
ใจลดเลี้ยว เหลาะแหละ เหลวไหล

โอ้อวด หน้าไม่อาย คนใจแคบ
เป็นคนแสบ ไม่เคารพคน
หยิ่งยะโส วางโต เกินตน
เป็นคนหยามคน คนโง่

ไม่เกรงกลัวบาป ใจหยาบช้า
ดื่มสุรา เฮฮา สนุกสนาน
ไม่กลัวไม่เชื่อ เรื่องนรกโลกันต์
มีที่ไหนกัน บุญบาป

คนพาลตระหนี่ คนดีชอบให้
ความตระหนี่ เป็นภัย อย่างใหญ่หลวง
เป็นเหตุของอุปสรรค และปัญหาทั้งปวง
มีทุกข์ที่ใหญ่หลวง หลังตาย

;;;;;;;;;;

ขอกราบกราน (ติดตามท่านสู่สุดธรรม) คนเรา แม้มีชาติกำเนิด เกิดต่ำ แต่เลอเลิศล้ำ ขยันหมั่นเพียร มีปัญญา อาจาระและศีล ไม่หันเหียน ย่อมเป็นเซียนได้ เหมือนไฟ ในที่มืด

 ขอกราบกราน
(ติดตามท่านสู่สุดธรรม)


คนเรา แม้มีชาติกำเนิด เกิดต่ำ
แต่เลอเลิศล้ำ ขยันหมั่นเพียร
มีปัญญา อาจาระและศีล ไม่หันเหียน 
ย่อมเป็นเซียนได้ เหมือนไฟ ในที่มืด

ขอเพียงได้ร่างกายมนุษย์ สุดประเสริฐ
มีสติอะเลิท ในทางธรรม
มีศรัทธา กตัญญุตา มีปัญญา
นำ
ด้วยบุญอุปถัมภ์ ย่อมนำความเจริญ

ผู้มีปัญญา จึงมีสัมมาทิฏฐิ
น้อยเหลือที่ ในยุคนี้ ยุคทมิฬ
ถือเงินเป็นพระเจ้า เอาแต่ทำมาหากิน
สติสิ้น ลืมตนลืมตัว

ธรรมะ ทางสายกลาง ช่างยิ่งใหญ่
อจินไตย ไกลเกินคนคิด
พระพุทธองค์ตรัสรู้ และเป็นผู้เลิศฤทธิ์
หมู่มารปกปิด ด้วยฤทธิ์ตัณหา

โง่แล้วยังอวดเก่ง เบ่งใส่คนดี
แม้ทุกข์เต็มที่ แต่มีทิฏฐิ
เหมือนเก่า
สรรพสัตว์ สุดประมาท ดูเบา
ยังแสลงดี ช่างโง่เขลา ไม่เอาพระ

สุขทางโลก ชุ่มโชกด้วยตัณหา
ยิ่งกว่าติดยา ยากนักหนา จะเลิกได้
กัลยาณมิตร จึงสุดจะยิ่งใหญ่
ชีวิตพลิกผันได้ เหมือนตายแล้วฟื้น

มหาปูชนียาจารย์ มีท่าน วันนี้จึงมี
เป็นเราที่ ชีวีพลิกผัน
แสวงบุญสร้างบารมี สุดชีวัน
ขอกราบกราน ติดตามท่าน สู่สุดธรรม

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มิตรดีคือที่พึ่ง (เราจึงต้องทาน) อาศัยร่มไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น ผู้มีมิตรก็เช่นกัน ไม่ควรทำร้ายมิตร ผู้ที่เห็นแต่ประโยชน์ตน คนพาล อำมหิต รักษาเพื่อนทั่วทุกทิศ คือกัลยาณมิตร นั่นเอง

มิตรดีคือที่พึ่ง
(เราจึงต้องทาน) 

อาศัยร่มไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น
เราก็เช่นกัน ไม่ควรทำร้ายมิตร
เห็นแต่ประโยชน์ตน คนพาล อำมหิต
รักษาเพื่อนทั่วทุกทิศ คือกัลยาณมิตร นั่นเอง

มิตรแท้ในเรือน คือมารดาบิดา
คุ้มครองชีวา บุตร
มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม รักสุด
ทำตน ประดุจ ทาสรับใช้

คู่ครอง คือเพื่อนแท้ คู่ชีวิต
คอยตามติด ทั่วทุกทิศ คุ้มครอง
ยามทุกข์ ยามลำบาก ยังปรองดอง
เราสอง ร่วมเป็นร่วมตาย

เพื่อนรักใคร่ ถูกใจถูกชะตา
คอยอาสา สนับสนุน
เห็นเพื่อนได้ทุกข์ อยู่ไม่ได้ คอยกระตุ้น
ให้ความอบอุ่น ให้กำลังใจ

เพื่อนดีแท้ ได้แก่ กัลยาณมิตร
คอยสะกิด ให้เข้าวัด ปฏิบัติธรรม
ให้สั่งสมบุญกุศล มีบุญค้ำ
ชีวิตเลิศล้ำ ไม่ไปสู่อบาย

เพื่อนดี ที่แนะนำประโยชน์
มีจิตปราโมทย์ ที่ได้แนะนำ
มีกรุณา ยากหาล้ำ
เป็นพรหมธรรม ประจำพระพรหม

ชีวิต ต้องมีที่พึ่ง เราจึงต้องมีมิตร
การทำทาน จึงเป็นกิจ..กรณีย์
อานิสงส์ การทำทาน มีมิตรดี
การแสวงบุญสร้างบารมี จึงขาดไม่ได้

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สุขทางโลกน่าคิด (เหมือนติดยา) ความสุขทางโลก น่าคิด เหมือนติดยา ใจมืดหนา อึดอัด ขัดข้อง ใจร้อนรน กระวนกระวาย เศร้าหมอง ใจเรียกร้อง..หาแต่ทรัพย์ กับความเพลิน

 สุขทางโลกน่าคิด
(เหมือนติดยา)


ความสุขทางโลก น่าคิด เหมือนติดยา
ใจมืดหนา อึดอัด ขัดข้อง
ร้อนรน กระวนกระวาย เศร้าหมอง
เรียกร้อง..หาแต่ทรัพย์ กับความเพลิน

สุขทางโลก เหมือนไฟ ไม่อิ่มเชื้อ
เหมือนเสือ กินเนื้อ ตะกรุมตะกราม
ไม่คำนึงถึงคน ขอเพียงตนอิ่มหนำ
มีความอดทนต่ำ จึงแน่ล้ำ เบียดเบียน

สุขทางโลก ชุ่มโชก ด้วยกามคุณ
สวนทางกับบุญ ที่บริสุทธิ์สะอาด
ทางบาป กิเลสตัณหา เป็นสัตว์
ไม่ใช่มนุษย์ ที่สามารถ มีคุณธรรม

สุขทางโลก เป็นดั่งปลา ว่ายไปมาในน้ำ
คนก็หากิน วันยังค่ำ พอๆกัน
มีชีวิต กิน นอน ถ่าย สืบพันธุ์
เมื่อตาย ก็ไปที่เดียวกัน คืออบาย 

คนทั้งหลาย ไม่รู้สึกตน ว่าไหล
ไปตามกระแส กิเลสกรรมวิบาก
เหมือนเล่นละคร ที่ใส่ความรู้สึกยิ่งนัก
หรือเหมือนหลับลึกฝัน ดูประจัก เช่นจริง

ความสุขทางโลก จึงตลก มันหลอกลวง
มันกลวง ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร
เหมือนติดอบายมุข สุขที่ปลายประสาท เท่านั้น
แต่คนก็หลงมัน เหมือนกัน กับเกาตุ่ม

สติสัมปชัญญะ ท่านจึงว่า อุปการะโลก
ให้หมดทุกข์โศก จากกิเลสตัณหา
ได้สติสัมปชัญญะ เกิดปัญญา
มีศรัทธา แสวงบุญญา สร้างบารมี

;;;;;;;;;;

ทรัพย์วิบัติ (ถ้าขาดแสวงบุญ) ผู้แสวงบุญสร้างบารมี มีบุญนัก รู้จัก เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำพระนิพพานให้แจ้ง เลิศล้ำ ไม่ตกต่ำ ล้ำสุข บนสวรรค์

 ทรัพย์วิบัติ
(ถ้าขาดแสวงบุญ)


ผู้แสวงบุญสร้างบารมี มีบุญนัก
รู้จัก เข้าวัดปฏิบัติธรรม
ทำพระนิพพานให้แจ้ง เลิศล้ำ
ไม่ตกต่ำ ล้ำสุข บนสวรรค์

ส่วนคนทั้งหลาย เมามายหากิน
สติสิ้น ไม่รู้จักแสวงบุญ อันเป็นชีวาต
เป็นนักโทษประหาร สังสารวัฏ
ไปอบายแน่ชัด คุกประหาร


ผู้ที่เป็นเศรษฐี มีทรัพย์มาก
จงรู้จัก ทรัพย์นั้นหละ อาหารโปรดมื้อสุดท้าย
ของนักโทษประหาร ก่อนตาย
อย่าหลงดีใจ ได้ไปแน่ๆ

ส่วนคนทั่วไป ที่ได้แต่ทำมาหากิน
ทั้งสิ้น เป็นนักโทษ คุมความประพฤติ
ถ้าไม่แสวงบุญ คุณจะหน้ามืด
มีอึดทึด มากมาย ไปคุกประหาร

หลังตาย แต่มันไม่ตาย เพียงย้ายที่อยู่
บุญบาป เป็นผู้..จัดสรร
ไปสวรรค์หรือ นรกโลกันต์
มีอายุนานมากๆ เป็นล้านๆ เป็นอนันต์ ปี

ดังนั้นชีวิตหลังตาย ใช่ บ้านแท้
ส่วนเมืองมนุษย์ นี้แน่ ไม่ใช่
เพียงแวะเวียนมา หาบุญ บ่ดาย
แห่งเดียวเท่านั้น หาบุญได้ คือโลกมนุษย์

เมื่ออยู่ในปรโลก จะเศร้าโศก เสียดาย
ช่างโง่หลาย เสียใจ ไม่ได้แสวงบุญ
พอได้เกิดเป็นมนุษย์ไหม่ ก็ยังเต่าตุ่น
ลืมแสวงบุญ ทุกที นับครั้งไม่ถ้วน

;;;;;;;;;;