วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

บุญอุปถัมภ์ (ฤกษ์ยามดี) การทำความดี ไม่ต้องมีฤกษ์ยาม บนเส้นทางธรรม ไม่มีค่ำ มีแต่สว่าง ส่วนทางโลกโลกีย์ มืดจัง หาจุดสว่าง ฤกษ์ยาม ตามประเพณี

 บุญอุปถัมภ์
(ฤกษ์ยามดี)


การทำความดี ไม่ต้องมีฤกษ์ยาม
บนเส้นทางธรรม ไม่มีค่ำ มีแต่สว่าง
ส่วนทางโลกโลกีย์ มืดจัง
หาจุดสว่าง ฤกษ์ยาม ตามประเพณี

ในพิธีมงคล มีการกุศลแซก
จึงไม่แปลก เชิญแขกร่วมทำบุญ
เป็นกุศโลบาย ได้บุญใหญ่หนุน
ได้ฤกษ์เกื้อกูล หรือบุญนั่นเอง

การประกอบการปกติ มีเพียงองค์สาม
อันมีนาม ทุนถึง ทีมถึง และมือถึง
แล้วก็ทำงานหน้าตั้ง วิ่งตะบึง
ขาดปัญญารู้ซึ้ง ถึงชีวิต

สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง อย่างที่เห็น
ขึ้นอยู่กับกรรมเวร ในอดีต
 กรรมวิบาก ไหลมาประชิต
ใครรู้จักชีวิต ก็จะตั้งจิตอดทน

ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
เหมือนแม่ไก่ กกไข่ กกไปเรื่อย
แม้ฟ้าจะถล่ม ดินจะเปื่อย
ทำดีเรื่อยไป ไม่เลิก

ทนทำดี หนีกรรมวิบาก
ซึ่งเป็นเรื่องยาก สำหรับปุถุชน
จึงต้องมีกัลยาณมิตร ผู้มีบารมีล้น
ทำให้คน เป็นคน มีศรัทธา

คนดีทำดี ดูที่ มีความอดทน
สุขล้น ด้วยศรัทธาคุณธรรม
สุขสมปราถนา ด้วยบุญอุปถัมภ์
ฤกษ์ดี ชีวีสว่างล้ำ ไม่ดำมืด

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565

งานไม่คั่งค้าง (เป็นกำลังพัฒนาสังคม) การงานไม่คั่งค้างสับสน มงคลสูงสุด เป็นมนุษย์ สติดี ใจปรีดา คนกตัญญู ผู้บำรุงบิดามารดา เลี้ยงดูบุตร สงเคราะห์ภรรยา/สามี

 งานไม่คั่งค้าง
(เป็นกำลังพัฒนาสังคม)


การงานไม่คั่งค้างสับสน มงคลสูงสุด
เป็นมนุษย์ สติดี ใจปรีดา
 คนกตัญญู ผู้บำรุงบิดามารดา
เลี้ยงดูบุตร สงเคราะห์ภรรยา/สามี

งานไม่คั่งค้างสับสน เป็นคนมีฉันทะ 
มีจิตตะ ใจจดจ่อ
ทำงานเพื่องาน ไม่มีสินจ้างล่อ
สะอาดเป็นระเบียบ จริงหนอ มีคนชม

ฉันทะ ตรงข้ามกับตัณหา อุปาทาน
ใจจะไม่งุ่นง่าน ไม่เหมือนมัน ตัณหา
ใจสงบนิ่ง สุขจริง ทั้งปรีดา
ผู้มีฉันทะ จะเข้าวัดเข้าวา แสวงบุญ

ฉันทะ ทำงานด้วยใจรัก ไม่มักมาก
มีวิริยะนัก คือ
แกร่งกล้าอดทน
 มีจิตตะ ใจเป็นหนึ่ง ไม่สับสน
วิมังสา ปัญญาชน คนเทวดา

บำรุงบิดามารดา มาเป็นอันดับแรก
ไม่แปลก จะต้องเป็นบุตรกตัญญู
ท่านเป็นอรหันต์ของบุตร ควรรู้
บุตรกตัญญู จึงเป็นผู้มีบารมี

ผู้มีบารมี เลี้ยงดูบุตร สุดดี
เป็นบุพพการี ที่วิเศษ
บุตรอภิชาติ จึงมาเกิด ด้วยเหตุ
และสุดวิเศษ ครอบครัวอยู่เย็น

การงานไม่คั่งค้าง เป็นอย่างเนรมิตร
ใจเบิกบานสุดขีด มีสุขสม
ครอบครับอบอุ่น แสนรื่นรมย์
เป็นกำลังพัฒนาสังคม อย่างสำคัญ

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565

สุขสมปราถนา (ถ้ารู้จักอดทน) สินทรัพย์ ย่อมทับทวีได้ คล้าย กับปลวก ก่อจอมปลวก เพียงรู้จักกิน รู้จักใช้ ไม่ลวกๆ เหมือนปลวก ก่อจอมปลวก พิถีพิถัน

 สุขสมปราถนา
(ถ้ารู้จักอดทน)


สินทรัพย์ ย่อมทับทวีได้
คล้ายๆ กับปลวก ก่อจอมปลวก
เพียงรู้จักกิน รู้จักใช้ ไม่ลวกๆ
เหมือนปลวก ก่อจอมปลวก พิถีพิถัน

อย่าใช้..ทรัพย์ตามใจอยาก 
ต้องรู้จัก ใช้สติปัญญาแทน
อย่ากู้ยืมง่ายๆ คุมให้แน่น
เงินแสน..มีไม่ยาก หากกินใช้เป็น

คนมักง่าย ยืมเขาใช้ก่อน
คนเป็นหนี้ ทุกข์ร้อน นอนไม่หลับ
กรรมวิบาก ได้โอกาศ เข้าถมทับ
ชีวิตย่อยยับ ด้วยใจง่าย ยืมใช้ก่อน

คนขาดสติ จะมิรู้สึกรู้สา
ใช้ชีวา เหมือนไหล ไปตามน้ำ
ไหลตามกระแส วิบากกรรม
มีความอยากนำ..หน้า พาเดิน

 มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ ที่ขาดสติปัญญา
แต่มีตัณหา อุปาทาน เข้าครอบงำ
กลายเป็นปถุชน คนต่ำ
ใจมืดดำ ยากล้ำ จะได้สติ

ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์ ผู้มีบารมี อุบัติ
เป็นโอกาศ ของผู้มี ธุลีน้อย
ได้สติ แสวงหาครูดี เหมือนเฝ้าคอย
ซึ่งมีน้อยแสนน้อย คนเข้าวัด

คนดีมีคุณธรรม ความอดทน
ถึงแม้จน ก็มีความสุข
อดเปลี้ยวไว้กินหวาน ไม่นานก็พ้นทุกข์
เดินทางถูก สุขสมปราถนา ทุกประการ

;;;;;;;;;;

ทานศีลภาวนา (ภาชนะรองรับบุญ) บุญมาจากพระนิพพาน ปานฝนตก ทั่วทั้งโลก และจักรวาล ตลอดเวลา เราเพึยงเตรียมภาชนะรองรับ เท่านั้นหละ ภาชนะนั้นหนา ก็คือ การเตรียมตน

 ทานศีลภาวนา
(ภาชนะรองรับบุญ)


บุญมาจากพระนิพพาน ปานฝนตก
ทั่วทั้งโลก และจักรวาล ตลอดเวลา
เราเพียงเตรียมภาชนะ เท่านั้นหละ
นั่นนะหรือ ก็คือ ตระเตรียมตน

 ทานศีลภาวนา เตรียมภาชนะ
ทานนั้นหนา ภาชนะปากกว้าง
ตั้งไว้นอกชาน เหมือนกันจัง
พ้นตัณหาสั่ง มีศรัทธาตั้ง รอรับบุญ

ศีล เป็นภาชนะสะอาดใส ไม่ร้าวไม่รั่ว
แข็งแรง แตกก็ไม่กลัว คงทน
ไม่อาจทำลาย นี้น่าแปลกล้น
ชีวิตคงทน ใครทำร้าย แพ้ภัยตนเอง

ภาวนา เป็นภาชนะ งามจบ
ตั้งหงายสงบ ไม่ไหวติง
รองรับน้ำฝน อย่างกระตือรือร้นยิ่ง

 สำคัญเหนือทุกสิ่ง คือ ปัญญา

คนทั้งหลาย หลงไหลตัณหา
ใช้เวลา มัวแต่ทำมาหากิน
ไม่มีทานศีลภาวนา ด้วยสติสิ้น
ไม่รองน้ำฝนไว้ดื่มกิน โง่สิ้นดี

สิ่งที่มีที่ได้ ในปัจจุบัน
เป็นเพียงความฝัน มันไม่จริง
เมื่อเราตาย เราทิ้งทุกสิ่ง
เหมือนกันจริง กับความฝัน

มีแต่บุญเท่านั้น ที่มันจริง
แต่สำคัญยิ่ง เราต้องเตรียมภาชนะ
ฝึกตน เป็นคนมีสติ ละตัณหา
ทานศีลภาวนา ทางสายกลาง

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

ซื่อกินไม่หมด (คดกินไม่นาน) ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน น่าคิดอ่าน ว่ามันเป็นได้อย่างไร คนซื่อ คือไม่ทรยศคดโกงใคร ส่วนคนจัญไร คนคด ทรยศหักหลัง

 ซื่อกินไม่หมด
(คดกินไม่นาน)


ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน
น่าคิดอ่าน ว่ามันเป็นได้อย่างไร
คนซื่อ คือไม่ทรยศคดโกงใคร
ส่วนคนจัญไร คนคด ทรยศหักหลัง

คนซื่อถือธรรม นำชีวิต
เดินตามทางสุจริต ที่ดีงาม
ทางบุญ กุศลธรรม
ต้องอดทนล้ำ รักษาธรรม ความดี

คนซื่อ มีน้ำใจ จึงไม่ใฝ่ต่ำ
มีน้ำใจงาม มีบุญค้ำ อุปถัมภ์ชีวิต
เป็นที่รักเคารพบูชา ชนทุกทิศ
มหาชนตามติด รักษา ดูแล

คนคด ทรยศ ไร้สัจจะ อกตัญญู
ผิดครู ผิดธรรมชาติ คุณธรรม
ผิดกฎเหล็ก กฎหลัก กฎแห่งกรรม
กรรมวิบาก กระหน่ำ ตายทั้งเป็น

สิ่งที่เรามีเราได้ เรากินเราใช้ ในปัจจุบัน
จงรู้กัน ว่ามันมาจากอดีตเก่าๆ
ไม่ใช่ผลจาก หนึ่งสมองสองมือเรา
เป็นภาพลวงตา น่าเศร้า คนเขลาไม่รู้

ซื่อกินไม่หมด แต่ต้องอดทน
เหมือนปลูกต้น..ผลไม้ ต้องรอหลายปี
ไม่นานเกินรอ อานุภาพบุญนั้นมี
เหมือนแม่ไก่กกไข่ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป

บุญคล้ายพืชมีเมล็ด บุญเป็นเม็ดสมบัติ
คนดีทำดีไม่ขาด ปลูกสมบัติไว้มากล้น
เมื่อถึงขีดถึงคราว ก็ทะยอยส่งผล
คนซื่อรักบุญกุศล จึงกินไม่หมด

ส่วนคนคด ไม่อดทน รนหาที่
เป็นแมงเม่า หลงแสงสี ตายเปล่า
มือใครยาว สาวได้สาวเอา
มีเรื่องอื้อฉาว อยู่ไม่ได้ เมื่อ
หมดบุญ

คนคดทำบาป ได้บาปเม็ดวิบัติ
ปลูกแน่นขนัด ในอดีต
ก็ทะยอยส่งผล เมื่อถึงคราวถึงขีด
คนคด หน้าซีด เมื่อกรรมอดีตส่งผล

ทรัพย์สมบัติ เป็นวิบัติ กัดคนคด
มีสมบัติ ต้องประโยชน์สูง ประหยัดสุด
เป็นคนซื่อ ถือธรรม เป็นอาวุธ
ด้วยชีวิตมนุษย์ อยู่ภายใต้ กฎแห่งกรรม

 ;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565

การทำดี (ไม่มีฤกษ์ยาม) ขยันเอาธุระ จนกว่าจังหวะมาถึง นั่นแหละ จึง..จะได้ทรัพย์มา เช่นเดียวกับ แม่ไก่กกไข่ นั่นหละ ไม่ได้ดูเวลา ไม่ได้หา ฤกษ์งามยามดี

การทำดี
(ไม่มีฤกษ์ยาม) 

ขยันเอาธุระ จนกว่าจังหวะมาถึง
นั่นแหละ จึง..จะได้ทรัพย์มา
เช่นเดียวกับ แม่ไก่กกไข่ นั่นหละ
ไม่ได้ดูเวลา ไม่ได้หา ฤกษ์งามยามดี

การทำดี ไม่มีฤกษ์ยาม
เวลาไหนก็ตาม ล้วนฤกษ์งามยามดี
คนเกียจคร้าน เกี่ยงงาน หาทางหนี
บ่ายเบี่ยง โน่นนี่ เพื่อหนีงาน

บุญสำคัญจริง ยิ่งกว่าอากาศหายใจ
ขาดอากาศ แม้ตาย ก็ชาติเดียว
ขาดบุญ ไปสู่อบาย หน้าเขียว
นับเวลาไม่ได้ทีเดียว อจินไตย

เมื่อหมดบุญ ก็หมดสิทธิ์ ชีวิตคน
เหมือนรถยนต์ ขาดน้ำมัน ต้องจอด
บุญซื้อไม่ได้ ไม่ทำไว้ ก็ม้วยมอด
กายถูกถอด ไปอบาย คุกประหาร

ความขยันเอาธุระ จะมีฉันทะรักงาน
มีใจเบิกบาน ทำงานอย่างมีสติ
ทำงานด้วยปัญญา ทุ่มชีวาสุดชีวี
เหมือนเทพปราณี เนรมิตผลงาน

หนีไม่พ้นพัฒนาสติ ถ้าริจะรักงาน
นี่แหละท่าน การนั่งสมาธิ คือชีวิต
หรือทำพระนิพพานให้แจ้ง กรณียกิจ
เตรียมจิต เตรียมใจ ก่อนไปทำงาน

 การพัณนาสติ ต้องมีหมู่คณะ
มีกัลยาณมิตร นำพา สอนสั่ง
และต้องแสวงบุญสร้างบารมี สุดกำลัง
หมู่มารตาตั้ง เข้าขวาง ทางบารมี

;;;;;;;;; 

ชีวิตอันตราย (อย่าได้ประมาท) กาลเวลา กัดกินสรรพสัตว์ พร้อมกับตน ประดุจ ฟองน้ำฝน ชีวิตทนไม่ได้ ไม่เป็นอมตะ ย่อมปละเปลี่ยนไป และสลาย หายไป พร้อมกับกาลเวลา

ชีวิตอันตราย
(อย่าได้ประมาท) 

กาลเวลา กัดกินสรรพสัตว์ พร้อมกับตน
ประดุจ ฟองน้ำฝน ชีวิตทนไม่ได้
ไม่เป็นอมตะ ย่อมปละเปลี่ยนไป
สลาย หายไป พร้อมกับกาลเวลา

องค์พระพุทธฯ ตรัส อย่าได้ประมาท
อย่าให้ขาด แสวงบุญสร้างบารมี
ใช้กาล ทุกวันเวลานาที
แสวงบุญฯเต็มที่ เพื่
หนีภัยวัฏฏะ

สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไหลไป ในกาลเวลา
ไม่รู้สึกไม่รู้สา ระเริงร่า ตามกัน
ได้สติตกใจ ตอนจะตาย เท่านั้น
ทุกสิ่งอัน ที่มีนั้น พลันไม่มี

กาลเวลาของมนุษย์ สุดมีค่า
แสวงบุญญา อุปถัมภ์ ค้ำชีวิตหลังตาย
มีแต่บุญเท่านั้น ที่ตามไปได้
กับบาปจัญไร ที่ตามไปล้างผลาญ

หลังตาย ไม่มีการทำมาหากิน
มือไม้ทั้งสิ้น มิมีประโยชน์
หนึ่งสมองสองมือ ใช้ไม่ได้หมด
มีประโยชน์ ใช้ได้ มีแต่บุญ

เงินมีค่า แต่ว่า เป็นมนุษย์
หลังตาย สุดสุด บุญคือชีวิต
เป็นโลกรับแต่ผล ไม่ทำกิจ
เป็นชีวิต ประหลาด เราเคยเป็นมา

จงรู้กรณียกิจ ของชีวิตมนุษย์
จะได้ไม่สุด..เสียใจ หลังตายไปปรโลก
ทำพระนิพพานให้แจ้ง อย่าให้สติตก
ไม่ตลก เข้าวัด แสวงบุญสร้างบารมี 

;;;;;;;;;;