วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2567

จิตชื่นฉ่ำ (ย่อมนำความสุขสม) พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด ที่บ้านที่ป่า ที่ลุ่มที่ดอน ก็ตาม ด้วยจิตของท่าน ชื่นฉ่ำ ที่นั้นๆ ย่อมดื่มด่ำ น่ารื่นรมย์

 จิตชื่นฉ่ำ
(ย่อมนำความสุขสม)

พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด
ที่บ้านที่ป่า ที่ลุ่มที่ดอน ที่ไหนก็ตาม
ด้วยจิตของท่าน ชื่นฉ่ำ
ที่นั้นๆ ย่อมดื่มด่ำ น่ารื่นรมย์
คนเหล่าใด รู้ความตาย อยู่ใกล้
ยังอาลัย ประมาทอยู่
ย่อมมี ทุคติ ไปสู่
ย่อมเป็นผู้ เศร้าโศกสิ้นกาลนาน

โจรผู้ชั่วช้า ถูกจับได้
เดือดร้อนใหญ่ เพราะกรรม ของตน
 คนผู้ละไปแล้ว เดือดร้อน คือปุถุชน
เพราะวิบากกรรมของตน ในโลกหน้า

ผู้หยิ่ง เพราะชาติทรัพย์สกุล
ใจขุ่น ย่อมดูหมิ่นญาติของตน
ขาดบำเพ็ญบุญ การกุศล
หนีไม่พ้น ความเสื่อม 


เราเรียก ผู้ไม่เยื่อใยในกาม
ใครก็ตาม เป็นท่าน ผู้สงบ
เครื่องร้อยรัดของเขา ถูกลบ
 ตัณหาถูกกลบ จึงไม่ว้าวุ่น

ถึงเป็นคนมีเดช มีปัญญามาก
 มีคน สักการะ บูชา

แต่อยู่ในอำนาจของสตรี จึงเสียท่า
เหมือนจันทรา 
ถูกราหูบังฉะนั้น

สัตบุรุษ ปรากฏได้ ในที่ไกล
 เหมือนภูเขาใหญ่ หิมพานต์

ส่วนอสัตบุรุษ
ไม่ปรากฏ แม้ใกล้กัน 
เป็นลูกศรก็ปาน ที่ยิงไป ในกลางคืน

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2567

ผู้มีปรีชาได้โภคะ (ย่อมสงเคราะห์ญาติ) ผู้มีปรีชา ได้โภคะแล้ว ย่อมไม่แคล้ว สงเคราะห์หมู่ญาติ และเป็นธรรมดา ธรรมชาติ ผู้เปรื่องปราชญ์ ย่อมบันเทิงในสวรรค์

 ผู้มีปรีชาได้โภคะ
(ย่อมสงเคราะห์ญาติ)

ผู้มีปรีชา ได้โภคะแล้ว
 ย่อมไม่แคล้ว สงเคราะห์หมู่ญาติ
และเป็นธรรมดา ธรรมชาติ
ผู้เปรื่องปราชญ์ ย่อมบันเทิงในสวรรค์

บัณฑิต ไม่ประพฤติกรรมชั่ว
เพื่อส่วนตัว แห่งสุขของตน
สัตบุรุษเมื่อมีทุกข์ ก็อดทน
เที่ยงธรรมล้น พ้น ฉันทาคติโทสาคติ
การบำเพ็ญประโยชน์ ที่ไม่ฉลาด
ก็ไม่อาจ นำสุข
ผู้ทรามปัญญา พร่าประโยชน์ นำทุกข์
 ดุจลิง ที่ชอบสนุก เฝ้าสวนฉะนั้น
บุรุษ จะเป็นบัณฑิต
ในทิศ ทั้งปวงก็หาไม่
 แม้สตรี ก็เป็นบัณฑิตได้
มีปัญญาใส ได้เหมือนกัน
ภิกษุ ไม่ควรหวั่นไหว ในคำนินทา
 แม้ว่า สรรเสริญ ก็ไม่เหิมใจ
บรรเทาความโลภ ความตระหนี่ได้
และไม่โกรธ ไม่ส่อเสียด
ผู้ฉลาด เฉียบแหลม
 แสดง เหตุและไม่ใช่เหตุ ได้ชัด
และคาดเห็นผล ประจักษ์
ย่อมพ้นทุกข์ แม้หนัก ได้ฉับพลัน
จงประพฤติตน เป็นคนโสด
 เขารู้กันหมด ว่าเป็นบัณฑิต
ส่วนคนโง่ ฝักใฝ่ในเมถุน คนสิ้นคิด
กรรมตามติด ย่อมเศร้าหมอง

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567

จงอบรมจิต (มีสติไปในกาย) จงอบรมจิต ให้แน่วแน่มั่นคง ดำรง อสุภสัญญา มีสติ ไปในกายา เบื่อหน่าย ในสังขารา ทั้งปวง

จงอบรมจิต
(มีสติไปในกาย)

จงอบรมจิต ให้แน่วแน่มั่นคง
 ดำรง อสุภสัญญา
มีสติ ไปในกายา
 เบื่อหน่าย ในสังขารา ทั้งปวง

มุนีเหล่าใด ไม่เบียดเบียน
ไม่หันเหียน สำรวมทางกายเป็นนิตย์
 ย่อมไปสู่ สถานไม่จุติ
 เป็นที่ไปดี ไม่มีเศร้าโศก

ผู้ที่ มารดาบิดา เลี้ยงมา
บาปหนา ไม่บำรุงดูแล
ประพฤติผิดใน พ่อแม่
 ย่อมแน่แท้ เข้าถึงนรก


 เมื่อบุคคล ระลึกถึง
ซาบซึ้ง พระรัตนตรัย
 ความไม่กล้า ครั่นคร้าม หมดไป
ขนพองสยองเกล้าหาย จักไม่มี

ความโกรธเกิดขึ้น แก่คนเขลา
โง่เง่า เพราะความแข่งดี
เขาย่อมไม่อาจหนี
 ถูกไฟโกรธนี้ แผดเผา

คนใดมีท้องพร่อง ทนหิวได้
มีความเพียรใหญ่ ฝึกตน อดทนอดกลั้น
กินดื่มแต่พอดี มิทำบาปเพราะอาหาร
คนนั้นหละ สมณะในโลก

ปุถุชน ผู้กำหนัดในกาม
 ยินดีในกาม หมกมุ่นในกาม
ทำบาปทั้งหลาย ประจำ
แน่ล้ำ ย่อมเข้าถึงทุคติ

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2567

เป็นคนดี (มีสุขสมปราถนา) คนดี มีสุข สมปราถนา ด้วยว่า คนดี มีน้ำใจ ใจจึงไม่แห้ง ไม่เหี่ยวซึมเซ็งได้ มีใจสดใส ปีติใจเสมอ

 เป็นคนดี
(มีสุขสมปราถนา)

คนดี มีสุข สมปราถนา
ด้วยว่า คนดี มีน้ำใจ
ใจจึงไม่แห้ง ไม่เหี่ยวซึมเซ็งได้
สดใส ปีติใจเสมอ

น้ำใจ เกิดจากการให้ การสละ
เพื่อดับ ตัณหา อุปาทาน
ดับความตระหนี่ ยึดมั่น
ดับตัวกลั่น ความกระหายอยาก 
คนดี มีการบำเพ็ญทาน
แม่นมั่น ประพฤติธรรม
และสงเคราะห์ญาติ ติดตาม
สำคัญล้ำ ทำงานไม่มีโทษ
คนดี มีน้ำใจ จึงมีความอดทน
เป็นคน ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
ไม่ก่อบาป หยาบช้า ทั้งหลาย
พาลีพ่าย ด้วยบารมี
ส่วนคนไม่ดี แล้งน้ำใจ
ใจแห้งเหี่ยว กระวนกระวาย เป็นทุกข์
กระหายอยาก จมปลักความสนุก
กลบทุกข์ ด้วยบาปหยาบช้า
คนไม่ดี หนีทุกข์ไม่พ้น
ปุถุชน หนีไม่พ้นกรรม
เมื่อถึงเวลาสุก ทุกข์ก็กระหน่ำ
หัวขมำ ตายทั้งเป็น
ชีวิต มีกฎแห่งกรรม
เป็นธรรมชาติ ธรรมดา
คนดีเท่านั้น สุขสมปราถนา
จงทุ่มชีวา บำเพ็ญทาน ประพฤติธรรม

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567

มารดาบิดา (พระพรหมของบุตร) มารดาบิดา พระพรหมของบุตร เมตตาสุด ต่อบุตรเสมอ บริสุทธิ์ หาใดไม่เจอ มีอานุภาพ เลิศเลอ ปกป้อง

 มารดาบิดา
(พระพรหมของบุตร)


มารดาบิดา พระพรหมของบุตร
เมตตาสุด ต่อบุตรเสมอ
บริสุทธิ์หลาย หาใดไม่เจอ
มีอานุภาพ เลิศเลอ ปกป้อง

มารดาบิดา บุรพาจารย์ ของบุตร
ขยันสุด สอนบุตร ไม่เบื่อหน่าย
สอนให้เดิน ให้พูด ทุ่มเทใจ
ไม่มีใคร เหมือนท่าน มารดาบิดา
มารดาบิดา บุตรกราบไหว้
บริสุทธิ์หลาย คล้ายอรหันต์
เมื่อได้อยู่ใกล้ ทำให้ จิตชื่นบาน
บุพพการรีนั้น หาได้ยากยิ่ง
สตรีเป็นมลทิน ของพรหมจรรย์
การมีครอบครัวนั้น ยากจะพ้น
มันเป็นธรรมดา ของปุถุชน
ผู้มีศรัทธาล้น จึงพ้นได้
สตรีเป็นสูงสุด แห่งสิ่งของทั้งหลาย 
ที่ปุถุชน อยากได้มากที่สุด
พญามาร ใช้เป็นอาวุธ
ทำลายความบริสุทธิ์ สรรพสัตว์
ภริยาผู้ฉลาด ย่อมนับถือสามี
ภริยาที่ดี ทำหน้าที่สะใภ้
เคารพนับถือ ญาติผู้ใหญ่
เอาใจใส่ ดูแล และไปมาหาสู่
สามีเป็นเครื่อง ปรากฏของสตรี
เป็นศักดิ์เป็นศรี ของภรรยา
หญิงได้สามีที่ดี มีหน้ามีตา
สามี ปาน เทวดาของหญิง

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567

ยกใจให้สูง (มุ่งหนีวัฏฏะ) สุข สำเร็จ สมปราถนา รู้ไหม่ว่า เป็นชื่อของบุญ บุญสิทธิธาตุ อุปถัมภ์ ค้ำจุน แสวงบุญ สร้างบารมี กรณียกิจ

 ยกใจให้สูง
(มุ่งหนีวัฏฏะ)

สุข สำเร็จ สมปราถนา
รู้ไหม่ว่า เป็นชื่อของบุญ
บุญสิทธิธาตุ อุปถัมภ์ ค้ำจุน
แสวงบุญ สร้างบารมี กรณียกิจ

ยกใจให้สูง หนีโลกโลกีย์
พ้นตัณหาอัปปรี หนีบาป
เข้าเส้นทางธรรม ทางบุญ อัตตโนมัติ
ทางชีวาต ทานศีลภาวนา
ยกใจง่ายสุด ด้วยจับอารมณ์
สติสัมปชัญญะ ฝึกฝน นั่นเอง
ใจนิ่งใจหยุด หมดเสงเครง
กลายเป็นคนเก่ง มีปัญญา
การฝึกตนฝึกใจ ยากสุด
การวิมุติ หลุดพ้นตัณหา
ยากสุดยาก เป็นพระพุทธา
ชนะโลกีย์โลกา ชนะมาร
ชีวิต มีใจนำหน้า
สุขทุกข์ของชีวา จึงอยู่ที่ใจ
ซึ่งมีบุญบาป กำกับไว้
อยู่ในดวงธรรมภายใน นั่นเอง
ดวงธรรม เปรียบปาน มารดา
คอยรักษาใจ ที่คล้ายเด็กทารก
ชอบซุกซน สกปรก
เพลินทางโลก โลกีย์
ทานศีลภาวนา ยกใจหนีโลกีย์
มีแต่ทางนี้ ชีวีปลอดภัย
สังสารวัฏฏ์ สุดอันตราย
หมู่มารร้าย สร้างไว้ ให้คนบาป

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2567

ผู้ประเสริฐ (เกิดมาสั่งสมบุญ) บรรดาภริยา ทั้งหลาย ภริยาผู้เลี้ยงง่าย ประเสริฐ เชื่อฟัง วางตน ดีเลิศ เป็นภรรยาประเสริฐ ของสามี

 ผู้ประเสริฐ
(เกิดมาสั่งสมบุญ)

บรรดาภริยา ทั้งหลาย
ภริยาผู้เลี้ยงง่าย ประเสริฐ
เชื่อฟัง วางตน ดีเลิศ
เป็นภรรยาประเสริฐ ของสามี

บรรดาบุตร ทั้งหลาย
บุตรผู้ใส่ใจ เชื่อฟัง ประเสริฐ
เป็นอภิชาติบุตร มาเกิด
บุตรประเสริฐ เกิดยาก
บุตรทั้งหลาย ใช่ พวกมนุษย์
จะบริสุทธิ์ เพียงใด ของใครของท่าน
สั่งสมบุญบาป ไม่เหมือนกัน
นรกหรือสวรรค์ ต่างคนต่างไป
ควรทำ แต่ความเจริญ
 อย่าทำเกิน เบียดเบียนเขา
บุญบาป ต่างคนต่างทำ ไม่เท่า
ชีวิตสูเจ้า ไม่เท่ากัน
พึงป้องกันภัย ที่ยังมาไม่ถึง
สร้างบุญ เป็นที่พึ่ง เป็นเกราะ
บุญหนึ่งเดียว พึ่งได้ เท่านั้นหนอ
อย่ารีรอ ประมาท
เมื่อเขาขอโทษ แล้วยังขุ่น
ยังฉุน ยังขุ่นเคือง ไม่ยอมรับ
 หมกเวรไว้ ทำตนให้อาภัพ
เหมือนกับเถรเทวทัต นั่นเอง
ในบรรดา หมู่มนุษย์
ผู้รุด ถึงฝั่งนิพพาน มีน้อยมาก
คนทั้งหลาย เหมือนจมปลัก
ไม่อาจออกจาก ชายฝั่ง

;;;;;;;;;;