วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2564

หมู่ชนประมาท (อวดฉลาด ไม่รู้ว่า ตนเองไม่รู้) ชีวิต ถูกลิขิต ให้เดินทาง เพื่อไปยัง แดนบรมสุข อมตะ พระนิพพาน

หมู่ชนประมาท
(อวดฉลาด ไม่รู้ว่า ตนเองไม่รู้)
ชีวิต ถูกลิขิต ให้เดินทาง
เพื่อไปยัง แดนบรมสุข อมตะ พระนิพพาน
ตามทางสายกลาง ทางบริสุทธิ์ ทางหลุดพ้น เท่านั้น
ต้องอดทนอดกลั้น ไม่ล้างผลาญ ไม่เบียดเบียน
ไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่ล่วงอกุศลกรรมบท
ไม่ละลด ทำความดีให้ถึงพร้อม
กลั่นจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ทะนุถนอม
ตะล่อมใจ ให้หยุดให้นิ่ง ดิ่งเข้ากลาง
คนทั้งหลาย คล้ายปลาตาย ไหลตามน้ำ
ทำตามๆกัน วันยังค่ำ ทำมาหากิน
บุญไม่สร้าง แต่หวังจะรวย ทั้งสิ้น
ใช้ชีวิตอย่างนี้จนชิน เกือบทั้งสิ้นไปสู่อบาย
 เวียนวน หนีไม่พ้น วัฏฏสงสาร
วิบากกรรม ดัดสันดาน ทุกข์ทั้งนั้น น้ำตานอง
มีแต่ทุกข์กับทุกข์ สุกๆดิบๆ สยดสยอง
แต่ชนทั้งผอง ก็ยังประมาท ขาดสติอยู่นั่นเอง
วัฏฏสงสาร ก็คือคุกประหารดีดี นี่เอง
คนพาลทำเป็นเก่ง รวยทางลัด ประมาทในชีวิต
หลงเดินตาม เหยื่อเบ็ดมาร อำมหิต 
กว่าจะคิดได้ ตอนจะตาย ก็สายแล้ว
หลังตาย ไหลไปตาม วิบากกรรมที่ทำไว้
วนเวียนไป ในวัฏฏะ นับกาลไม่ได้
ซาบซึ้งในบุญ ลุ้นให้หมู่ญาติ ส่งบุญไปให้
อยากเกิดเป็นมนุษย์สุดใจ จะได้สร้างบารมี
บุญส่ง ได้เกิดมาใหม่ ที่ตั้งใจไว้ ลืมไปหมด
ด้วยมารใช้อวิชชาบังบด ลืมหมด เหมือนเกิดใหม่
ทำอย่างเคย ใช้ชีวิตเช่น เป็นปลาตาย
น่าเวทนาหลาย หลวงปู่ฯจึงได้ ไปสู่สุดธรรม 
 คนต่างกับสัตว์ รู้จักฝึกหัดตน
มีเหตุมีผล ทนทุกข์ได้
มีวินัย มีศีลมีสัจจ์ น่าไว้ใจ
เอื้ออาทร ละมุนละไม มนุสสเทโว
กายวาจาใจ ใช้ แสวงบุญ
สร้างบารมี เร่งลุ้น ช้าไม่ได้
อายุไข น้อยนัก จักต้องตาย
ชาติหน้า ฟ้าใหม่ มีแน่อน
หนีวัฏฏะ ต้องละ ตัณหา
 กายวาจาใจ มุมานะ ทำความดี
สำคัญสุด ใจหยุด ตรงที่
สัมมาสมาธิ เกิดมี ที่ศูนย์กลางกาย

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น