วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ปัญญาเป็นยอด (สมาธิจึงเยี่ยม) วิริยะ ขาดปัญญา ไม่เรียกว่ากล้าหาญ คนรู้ทัน เรียกกันว่า บ้าบิ่น ขยัน ขาดปัญญา ทำหมู่คณะ วุ่นวายไม่สิ้น เจริญสมาธิภาวนา จึงเป็นปิ่น ของการฝึกตน

ปัญญาเป็นยอด
(สมาธิจึงเยี่ยม)

วิริยะ ขาดปัญญา ไม่เรียกว่ากล้าหาญ
คนรู้ทัน เรียกกันว่า บ้าบิ่น
ขยัน ขาดปัญญา ทำหมู่คณะ วุ่นวายไม่สิ้น
เจริญสมาธิภาวนา จึงเป็นปิ่น ของการฝึกตน


ขันติ ขาดปัญญา ไม่เรียกว่าอดทน
กลายเป็นคน อวดดื้อ ถือดี มีมานะ
ใครๆ ก็หนีห่าง อ้างว้าง ไม่มีใครคบหา
ความสำเร็จ และชัยชนะ อยู่ห่างไกล

สัจจะ ขาดปัญญา เรียกว่า คนเหลวไหล
เป็นคนเหลาะแหละ ซังกะตาย อยู่ไปวันๆ
น่าเสียดาย กายมนุษย์ สุดสำคัญ
ด้วยกายนี้เท่านั้น แสวงบุญสร้างบารมี

อธิษฐาน ขาดปัญญา เรียกว่าอ้อนวอน
ไม่ได้ทำความดีก่อน แล้วมาขอ มาง้องอนเขา
กลายเป็นทาส ขาดความดี มีแต่เน่า
เป็นคนเขลา สุดท้าย ไปอบายภูมิ

เมตตา ขาดปัญญา เรียกว่าอ่อนแอ ไม่ใช่อ่อนโยน
อ่อนโยน เป็นคน เดินทางสายกลาง
ทางแสวงบุญสร้างบารมี สุดกำลัง
สัจจะตั้ง นั่งสมาธิ มุ่งไปที่พระรัตนตรัย

อุเบกขา ขาดปัญญา เรียกว่า ดูดาย
ใครจะเป็นจะตาย ข้าไม่สน
ตัวใครตัวมัน อ้างโน่นอ้างนี่ เอาแต่ตน
ตัวพอหนีพ้น แต่หัวไม่พ้น ตายแน่ๆ

ปัญญา จึงเปรียบเป็นหัวหน้า คุณธรรม
เลิศล้ำ สว่างไสว ไม่มีใดเทียม
คนมีปัญญา ท่านว่า ยอดเยี่ยม
ไม่มีใดเทียม ยอดเยี่ยม ด้วยไม่ประมาท

ปัญญาจะเกิดขึ้นได้  ด้วยเนกขัมมะ
คือมีสมถะ เลิกละ ตัณหา
ทำใจหยุดใจนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย เท่านั้นหละ
นอกนั้นหนา เหมือนกับว่า ตรอกตัน

เนกขัมมะ จะตั้งได้ ด้วยมีศีล
เหมือนการเตรียมดิน เตรียมถิ่นปฏิบัติการ
หรือต้องถากถางที่ เมื่อมีการสร้างบ้าน
ดังนั้น ศีลจึงสำคัญ ท่านจึงเอาไว้หน้า เนกขัมมะ

สำหรับทานนั้นหนา ท่านเอาไว้แรกสุด
เกิดเป็นมนุษย์ ต้องเริ่มด้วยทาน เป็นงานอุปถัมภ์
ให้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ งานประจำ
และเลิศล้ำ มีหมู่คณะ พาสร้างบารมี 

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น