วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ขันติเป็นทัพหน้า (ปัญญาเป็นทัพหลวง) ทานเป็นเสบียง เลี้ยงชีวิต เดินทางไกล ศีล ขาดไม่ได้ เป็นสะพาน ภาวนา เป็นตะเกียง ท่านเปรียบปาน

ขันติเป็นทัพหน้า
(ปัญญาเป็นทัพหลวง) 


ทานเป็นเสบียง เลี้ยงชีวิต เดินทางไกล
ศีล ขาดไม่ได้ เป็นสะพาน
 ภาวนา เป็นตะเกียง ท่านเปรียบปาน 
ความปลอดภัย ในชีวิตของท่าน ทานศีลภาวนา 
ปัญญา เป็นที่หนึ่ง เป็นที่พึ่งพา
ให้ชัยชนะ ให้ความสุข และความสำเร็จ
มีสุขสมหวัง เมื่อใจใสสว่าง นี้เป็นเคล็ด
การเจริญสติ ฝึกสมาธิ เป็นเหตุ ให้เกิดปัญญา 

ปัญญาดับง่ายๆ ด้วยสุรา ยาเสพติด
ศีลข้อห้า จึงเลิศฤทธิ์ อานุภาพ
เหมือนหัวแม่มือ เมื่อถือ เมื่อจับ
มั่นคนเหลือรับ สนับมือ
ปัญญาดับ ขันติกลับ กลายเป็นดื้อ
เป็นกระบือ หนังหนา เป็นลาโง่
เมื่อปัญญาใส ขันติเป็นไฟ เผากิเลสกองโต
อุปสรรคและปัญหา เป็นขี้โล้ มลายไป
ปัญญา เปรียบว่า เป็นไฟส่องทาง 
ขันติเปรียบดัง ตัวถังรถ
 ไม่ผุพัง ไม่เสียง่ายๆ ทรหด
รถใช้ประโยชน์..ไม่ได้ ถ้าไร้ไฟส่องทาง 
เหล็กดี ใช้ตี เป็นมีด
ใช้ทั้งกรีด ทั้งสับ ไม่ยับเยิน
เป็นมีดดาบ ฟันฟาดสับ ดีเหลือเกิน
รุกรบเพลิน ปราบศัตรู หมู่มารพ่าย
คมมีดกรีดได้ คล้าย ปัญญา 
ตัวมีดเรียวหนา คงทน คนขันติ 
มีด้าม ยามจับ สนับดี
ศรัทธามี เป็นด้ามดี นั่นเอง

บินสูง ต้องมุ่งมั่น อดทน
การฝึกฝน อดทน ฝึกที่ใจ
ฝึกไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงไหล
 จึงต้องใช้ ทานศีลภาวนา
ทรมานตน คน ชีเปลือย
ยิ่งฝึกยิ่งเมื่อย สุดท้าย ตายเปล่า
เกาไม่ถูกที่คัน จะหายคันได้ อย่างไรเล่า
คนดื้อโง่เขลา ฝึกกาย ใจไม่ฝึก

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น