(เหลือไว้ สร้างบารมี)
ใช้พอเหมาะพอสม เพียงพอดี ชีวีเจริญ
มหาเศรษฐีใจบุญ ค้ำจุนศาสนา นำพามหาชน
รักสุขสันโดษ เรียบง่าย สมถะ
เกลียวกลม สุขสำราญ ปานสวรรค์
หยุดคือความสำเร็จ
(เป็นเคล็ดของชีวิต)
ใจมีลักษณะอ่อนไหว พัดไปได้ คล้ายลม
แสวงหาความสุขสม ดอมดมกามคุณ
หยุดอยาก ยากนัก ถ้าหากไม่รักบุญ
หรือมีผู้มีคุณ..เกิดขึ้น กอบกู้ธรรมธาตุ
การเจริญภาวนา คือการฝึกรักษา ใจให้หยุด
ตำแหน่งที่สุด ต้องหยุดไว้ในตน
ณ ศูนย์กลางกาย เป็นเป้าหมาย ในสุดของทุกคน
เป็นคล้ายประตูกล เข้าไปหา พระรัตนตรัย
การฝึกใจหยุด ยากนัก ต้องหยุดอยาก นั้นยากยิ่ง
มีกิเลสตัณหาสิง ยากยิ่งเป็นล้นพ้น
ชนะกิเลสในใจ ได้ชื่อว่า ชนะตน
เป็นคนเลิศคน เหนือมนุษย์มนา เทวดาเดินดิน
คนทั้งหลาย หลับตาลงไป เห็นความมืด แล้วอึดอัด
นั่นแหละชัด มีตัณหา ทะยานอยาก
ทำใจให้รักความมืดได้ ใจหยุดนิ่ง ง่ายนัก
เมื่ออยากหยุด บุญก็ผุด เกิดความสะบาย
ความมืด หรืออวิชชา บังปัญญาและอานุภาพ
ก่อเกิดปัญหา สารพัด สรรพสัตว์ มีทุกข์หนัก
วนเวียน ว่ายวน เป็นวัฏฏะจักร
กิเลสกรรมวิบาก มีทุกข์มาก ยากยิ่งจะหลุดพ้น
ความมืด คือกิเลสนิวรณ์ห้า ที่บังตาไม่ให้เห็น
เหมือนหนึ่งเป็น เมฆหนา บังพระอาทิตย์
เอาชนะนิวรณ์ ที่จรมา ด้วยหยุดใจให้สนิท
ใครจะคิด มีดวงตะวันภายใน สว่างจ้า ปัญญาเกิด
อย่าเกลียด ความมืดมิด และความคิดฟุ้งซ่าน
เพียงคิดได้เท่านั้น ความสุขพลัน ปรากฎ
โล่งโปร่งเบาภายใน สะบาย ใสสด
ความเบื่อหน่ายซึมเซ็ง หายหมด สดชื่น
คำว่าไม่เกลียด ใจละเมียด มีสติสัมปชัญญะ
ไม่ปัดสวะ ตั้งสติ มีความสนใจ
คือให้รู้ และเห็น แต่ไม่เขม้นมองจ้องไป
ให้มองกว้างๆ คล้ายมองป่าไม้ ในขณะรถวิ่ง
;;;;;;;;;;
อยากตายแบบไหน
(เลือกได้ มีสามแบบ)
การตายมีสาม มีนามดังนี้
หนึ่ง ตายหลังตาย ขาดสติ มีแต่ไปอบาย
สอง ตายขณะตาย มีสติ มีบุญอุ้มชูไว้
และสาม ตายก่อนตาย มีมหาสติ ไปดุสิตบุรีเทวโลก
ตายหลังตาย ถ้ากรรมหนัก จักไปสู่อบายทันที
ยังงงงวยเหลือที่ ว่าตัวนี้ มาที่นี่ได้อย่างไร
หรือ เหมือนกับนอนหลับ สติดับ แล้วฝันไป
คนส่วนใหญ่ จะตายหลังตายทั้งนั้น
ตายหลังตาย นิมิตรร้าย จะมาฉายให้เห็น
เป็นกรรมเวร ที่หนัก ปักแน่นในใจ
หรือเป็นอจิณณกรรม ที่ทำบ่อยๆไว้
สติสลาย กรรมวิบาก ลากลงนรกอเวจี
ตายหลังตาย เจ็บปวดหลาย ตอนสายชีวิตจะขาด
พระจึงว่า ผู้ประมาท ความตายเป็นทุกข์
และคนเกือบทั้งหมด ที่มัวเพลินสนุก
ล้วนเป็นทุกข์..ตอนตาย แต่เมื่อเกิดใหม่ลืมสิ้น
ตายหลังตาย คือผู้ที่หลงอยู่ใน กระแสกรรมวิบาก
ไม่รู้จักมุ่งมั่น แสวงบุญสร้างบารมี
หากินไปวันๆ กินนอนถ่ายสืบพันธุ์ เท่านี้
ไม่ตั้งใจฝึกสติ ไม่มุ่งมั่น ทานศีลภาวนา
ตายขณะตาย ตั้งสติได้ นึกถึงพระพุทธคุณ
บุญค้ำจุน โอบอุ้ม คุ้มครอง
มีศุภนิมิตร วิจิตร อร่องฉ่อง
เทวดาทั้งผอง ยิ้มย่อง ต้อนรับ
ฝึกตายก่อนตาย ใช่ คือการสวดมนต์ไหว้พระ
นั่งสมาธิเจริญภาวนา นั่นหละ เป็นยอด
เป็นกิจกรณีย์ ของชีวี ตลอด
เมื่อจะม้วยมอด มีสติตลอด กล้าหาญ ไม่หวั่นมรณะภัย
ตายก่อนตาย รู้วันตาย จึงถอดกาย ไปก่อน
ไม่เดือดร้อน ถอดกายได้ คล้ายนักรบมีชัย ในสงคราม
ออกจากเมือง ที่เพิ่งตีได้ ไปอย่างสง่างาม
นั่นคือบรรลุธรรม อำไพ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
;;;;;;;;;;
ชีวิตไม่มีตาย
(เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่เท่านั้นเอง)
เราทุกคนเกิดมา พกระเบิดเวลา มาคนละลูก
เวลาที่จะระเบิด ถูก..กำหนด ด้วยกฎแห่งกรรม
มัจจุมาร มีอานุภาพมาก ไม่อาจจักล่วงล้ำ
เกิดตายซ้ำๆ ทุกข์กระหน่ำ กรรมสนอง อย่างแสนสาหัส
ตายเกิดๆ เวียนว่ายไป ในวัฏฏะ
นั่นหละ วัฏฏะ จึงว่าเป็นคุกประหาร
จะถูกฆ่าเมื่อใด ก็ไม่ระบุไว้ ไม่ให้ตั้งตัวทัน
คนประมาทนั้น มัวเพลินไป รู้ตัวก็สายแล้ว
ทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น หนีมัน ความตาย
หลุดจากกฎแห่งกรรมได้ เป็นอมตะ เข้าสู่พระนิพพาน
เดินตามทางสายกลาง ทานศีลภาวนา เท่านั้น
แม้ยังเวียนว่ายเหมือนกัน ก็สุขสบาย เหมือนได้อยู่เกาะ
ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนเช่น เป็นภาชนะดิน
ย่อมสูญสิ้น สลายไป
ทรัพย์สินสักนิด ก็ตามติดไม่ได้
มีแต่บุญบาป เท่านั้นไซร้ ติดตามได้เท่านั้นเอง
แม่น้ำเมื่อมีน้ำเต็มฝั่ง ย่อมยังต้นไม้ริมฝั่ง พัดพาไป
สรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมถูกชราและความตาย นำไปฉันนั้น
วันคืนล่วงไปๆ วัยย่อมถูกชราพาไปเช่นกัน
ผู้เห็นภัยในมรณะนั้น จึงตั้งใจมั่น สั่งสมบุญ
กาลเวลา คล้ายกับว่า กำลังกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย
เมื่อเห็นคนอื่นตาย จึงไม่ควรร้องไห้โศกศัลย์
จงมีสติ ว่าตัวเรานี้ ใกล้ความตาย เข้าไปทุกวัน
กำลังถูกลงทัณฑ์ ด้วยการเจ็บป่วยไข้ และวัยชรา
คนที่เศร้าโศกถึงคนตาย นั้น คล้ายเด็กแท้
ที่ร้องไห้ แงๆ จะเอาเดือนดาว
คนที่ตาย เดินทางไกล ไปตามทางของเขา
ที่น่าเศร้า คือชีวิตของเรา ไม่ดูแล
ชีวิตสรรพสัตว์ เหมือนกันชัด กับผลไม้สุกบนต้น
พร้อมที่จะหล่น..ลงมา ทุกเวลาก็ว่าได้
เมื่อลมมาเยือน สะเทือนสะท้าน หวั่นไหว
เมื่อเจ็บป่วยไข้ หรือเมื่ออยู่ในวัยชรา
ชีวิต ไม่มีวันตาย เพียงเปลี่ยนภพภูมิใหม่ เท่านั้นเอง
กฎแห่งกรรมบันเลง กิเลสกรรมวิบาก
วนเวียนเป็นวัฏฏะ แสนทุกข์ยาก
น้ำตาไหลพราก มากกว่าน้ำในมหาสมุทร
;;;;;;;;;;