วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

โลกคือละคร (สะท้อนกรรมวิบาก) โลกนี้มีแต่ทุกข์ สุขไม่มี ความสุขี มีแต่ในทางธรรม ตามทางสายกลาง ทางบุญ อุปถัมภ์ สุขทางโลกีย์ ขอย้ำ ไม่มี

โลกคือละคร
(สะท้อนกรรมวิบาก)



โลกนี้มีแต่ทุกข์ สุขไม่มี
ความสุขี มีแต่ในทางธรรม
ตามทางสายกลาง ทางบุญ อุปถัมภ์
สุขทางโลกีย์ ขอย้ำ ไม่มี

ที่เรียกว่า โลกียสุข หรือสุขทางโลกนั้น
จงรู้กัน มันคือความเพลิน เลินเล่อ
เป็นเหมือนในฝันขึ้นสวรรค์ นอนละเมอ
ตื่นแล้ว นั่งเซ่อ พร่ำเพ้อหา

นั่นหละที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มันไม่ใช่ความจริงหนา มันเพียงว่า เป็นละคร
มันไม่ใช่อัตตา เพียงว่าพยับแดด กลางแดดร้อน
งดงามอรชร แต่เป็นภาพหลอกหลอน เท่านั้นเอง

ใครคิดได้คิดออก ไม่หยอก จะบอกให้
จะทำให้เบื่อหน่าย คลายกำหนัด
อยู่ในโลก รู้ทันโลก บริสุทธิ์สะอาด
สุขสมมาด สมปราถนาทุกประการ

กรรมวิบาก สร้างภาพ ลวงตา
เหมือนจริงเหมือนจัง นักหนา นี่หละสังสารวัฏฏ์
วนเวียนไป ตามกรรมวิบาก สรรพสัตว์
ช่างอ่อนหัด โง่แล้วอวดฉลาด ทั้งนั้น

สติสัมปชัญญะ จึงมีอุปการะยิ่ง
ให้ปัญญา สามารถออกจากสิ่ง ล่อลวงตา
เบื่อหน่าย คลายกำหนัด รักสันโดษสมถะ
อันเป็นคุณสมบัติ ของพระ ผู้ปฏิบัติธรรม

การฝึกสติสัมปชัญญะ จึงคือการพัฒนาตน
พาพ้น สภาวะ ที่เป็นอยู่
ซึ่งยากนักจัก ตระหนักรู้
สรรพสตว์ ล้วนข้องอยู่ ในกิเลสมานะ สภาวะของตน

เหมือนปลาคุ้นกับน้ำ เป็นธรรมดา
และหนอนคุ้นนักหนา กับของเน่าเหม็น
ยากจะจาก แม้มีเทวดา ลงมาให้เห็น
คนทั้งหลายก็เช่น เป็นอย่างนั้น

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น