วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

มีแก้วสารพัดนึก (เพียงตรองตรึกที่ศูนย์กลางกาย) ใจเป็นธาตุสำเร็จ เพียงแต่คิดก็เสร็จ จริงๆ แต่ขอหนึ่งสิ่ง คือมาอยู่นิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกาย ที่ท่านเรียกว่ามีสติ ใจจะสดใส สว่างไสว และที่สำคัญหลาย คือมีอานุภาพ คู่กับสุข

มีแก้วสารพัดนึก
(เพียงตรองตรึกที่ศูนย์กลางกาย)

ใจเป็นธาตุสำเร็จ เพียงแต่คิดก็เสร็จ จริงๆ
แต่ขอหนึ่งสิ่ง คือมาอยู่นิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกาย
ที่ท่านเรียกว่ามีสติ ใจจะสดใส สว่างไสว
และที่สำคัญหลาย คือมีอานุภาพ คู่กับสุข

ศูนย์กลางกาย เป็นเหมือนประตูชัย ไปพระนิพพาน
โดยต้องผ่าน พระธรรมกาย พระรัตนตรัยในตัว
เป็นพระแก้วใส สว่างไสว ไม่หมองมัว
รู้ทั่ว..รู้แจ้ง อจินไตย ไม่จำกัด

พระธรรมกาย ได้ลักษณะ มหาบุรุษ
วิชชาธรรมกาย สิ้นสุด หลังพุทธปรินิพพาน๕๐๐ปี
คำว่าธรรมกาย ในพระไตรปิฎก นั้นมี
หลวงปู่ฯ พระมงคลเทพมุณี สละชีวี จึงค้นพบ

ไม่รู้จักศูนย์กลางกาย ไปพระนิพพานไม่ถูก
ถูกจูงจมูก ว่า พระนิพพาน สุญญตา
เข้าใจว่าพระนิพพานไม่มี เป็นสูญ น่าเวทนา
หมู่มารหัวเราะร่า ชอบใจ

สมาธินอกศูนย์กลางกาย ใช่ มีฤทธิ์
แต่ประสิทธิ..ภาพ สู้มารไม่ได้
หมู่มารจึงหัวเราะ ชอบใจ
เมืองไทย จึงอลเวง หมู่มารไม่เกรงใจพระ

สุขสมปราถนา ไม่ใช่มาจาก รวยทรัพย์
แต่มันมากับ ทานบารมี
อายุ วรรณะ สุขะ พละ สี่อย่างนี้
ชีวี..ขาดไม่ได้ ตายทั้งเป็น

ทรัพย์สมบัติ ขาดไม่ได้ ใครๆรู้
แต่ต้องเป็นผู้ สั่งสมทานบารมี
มิฉนั้น สมบัติเป็นวิบัติ สุดคาด อัปปรี
เหมือนเหล็กดี มีสนิม ทำลายล้าง

สติสัมปชัญญะ ท่านจึงว่า มีอุปการะอย่างยิ่ง
ทำใจให้หยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย
ดื่มด่ำธรรมสุข สุขทางใจ
เกิดบารมีใหญ่ ดังได้แก้วสารพัดนึก

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น