วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

บุญเป็นที่พึ่ง (หนึ่งเดียวในวัฏฏะ) ตนเป็นที่พึ่งของตน ทุกคนรู้ คำว่ากู คือผู้ใด ใครรู้จักบ้าง ชี้มาที่หนึ่งสมอง สองมือของข้า ทำท่าขึงขัง จงรู้ไว้บ้าง นั่นไม่ใช่ ยังมีใจเป็นนาย

 บุญเป็นที่พึ่ง
(หนึ่งเดียวในวัฏฏะ)

ตนเป็นที่พึ่งของตน ทุกคนรู้
คำว่ากู คือผู้ใด ใครรู้บ้าง
ชี้มาที่หนึ่งสมอง สองมือของข้า ทำท่าขึงขัง
จงรู้ไว้บ้าง นั่นไม่ใช่ ยังมีใจเป็นนาย

ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ใครๆเขาก็รู้
ใจเป็นผู้..สั่งการ เสนาใหญ่
จะพูด จะทำ ประการใด
แล้วแต่ใจ สั่งมาอย่างไร กายก็ทำอย่างนั้น

การเป็นกู จึงไปอยู่ที่ใจ
กูก็คือใจ แต่ก็ยังไม่ใช่ ยังมีนาย
มีบุญบาป แย่งชิงกัน กำกับใจ
อยู่ภายใน อันเป็นตัวแทนของพระกับมาร

ขณะใด ที่บาปครองใจของเรา
จะเกิดปัญญาเบา เป็นคนโง่เขลา ปัญญาอ่อน
คิดพูดทำ นำมาแต่สิ่งที่เดือดร้อน
ใจย่อมแน่นอน อยู่ภายใต้ กฎไตรลักษณ์

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ดังนั้นหนา ใจ ไม่ใช่อัตตา ตัวกู
ตราบได ที่บาป กำกับอยู่
ไม่ใช่ตัวกู ผู้ที่จะเป็นที่พึ่งได้

บุญ คล้ายเป็นกัลยาณมิตร ที่ยิ่งใหญ่
ใจเป็นอัตตาตัวกูได้ ด้วยบุญ
เป็นนิจจัง สุขัง อัตตา เที่ยงแท้ ไม่มีสูญ
พ้นกฎแห่งกรรม บริบูรณ์ ด้วยสุขสมปราถนา


หนีพ้น เกิดแก่เจ็บตาย กลายเป็นอมตะ
มีสติสัมปชัญญะ..บริบูรณ์ ที่ศูนย์กลางกาย
อันเป็นสัมมาสมาธิ นี้คือประตูชัย
เป็นเครื่องหมายว่า เข้าถึงพระรัตนตรัยแน่นอน

ที่สุดแล้ว บุญนั้นหรือ คือธรรมธาตุ
บริสุทธิ์สะอาด พ้นกฎไตรลักษณ์
กฏแห่งกรรม ก็ทำอะไรไม่ได้ จงประจัก
มีอุปการะมาก หนึ่งเดียวในวัฏฏะ ชนะมาร

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น