วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567

ทุกข์ด้วยตัณหา (พาเวียนว่าย) ผู้ถอน ภวตัณหาได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น เลิกเวียนว่าย สิ้นสุดแล้วกรรมเวร ย่อมเป็น ผู้ไม่มีภพ เป็นจบกัน

ทุกข์ด้วยตัณหา
(พาเวียนว่าย)

ผู้ถอน ภวตัณหาได้
ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น  
เลิกเวียนว่าย สิ้นสุดแล้วกรรมเวร
 ย่อมเป็น ผู้ไม่มีภพ เป็นจบกัน

 ผู้รู้โทษ อย่างนี้ว่า
 ตัณหา เป็นแดนเกิดแห่งทุกข์
พึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา พาสนุก
จึงไม่ถือมั่น มีสติอยู่ทุก อิริยาบถ

กาม ตระการ หวานชื่นใจ
 ย่อมย่ำยีจิต ในรูปร่างต่างๆกัน
บุคคล ผู้เห็นโทษในกามนั้น 
สันโดษ สุขสันติ์ ปานนอแรด
บุคคล พึงละความโกรธ
เพื่อละสังโยชน์ เครื่องข้อง
เพราะทุกข์ทั้งหลาย เป็นของ
ผู้ยังข้อง มีความโกรธ

ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิตที่ไม่ประเสริฐ ย่อมวิ่งพล่าน
สรรพสัตว์ยังท่องเที่ยวไป อนันตกาล
 หนีไม่พ้นมัน ความทุกข์

ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิตที่ไม่ประเสริฐ ย่อมวิ่งพล่าน
สรรพสัตว์ ยังท่องเที่ยวไป อนันตกาล
หนีไม่พ้นมัน มีกรรมนำหน้า

โลก ถูกตัณหาก่อขึ้น
มืดทมึน ถูกชราล้อมไว้
ถูกมฤตยู ชี้เป็นชี้ตาย
โลกนี้ไซร้ ตั้งอยู่ในทุกข์

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น