แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทุกข์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทุกข์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2567

ทุกข์ด้วยตัณหา (พาเวียนว่าย) ผู้ถอน ภวตัณหาได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น เลิกเวียนว่าย สิ้นสุดแล้วกรรมเวร ย่อมเป็น ผู้ไม่มีภพ เป็นจบกัน

ทุกข์ด้วยตัณหา
(พาเวียนว่าย)

ผู้ถอน ภวตัณหาได้
ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น  
เลิกเวียนว่าย สิ้นสุดแล้วกรรมเวร
 ย่อมเป็น ผู้ไม่มีภพ เป็นจบกัน

 ผู้รู้โทษ อย่างนี้ว่า
 ตัณหา เป็นแดนเกิดแห่งทุกข์
พึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา พาสนุก
จึงไม่ถือมั่น มีสติอยู่ทุก อิริยาบถ

กาม ตระการ หวานชื่นใจ
 ย่อมย่ำยีจิต ในรูปร่างต่างๆกัน
บุคคล ผู้เห็นโทษในกามนั้น 
สันโดษ สุขสันติ์ ปานนอแรด
บุคคล พึงละความโกรธ
เพื่อละสังโยชน์ เครื่องข้อง
เพราะทุกข์ทั้งหลาย เป็นของ
ผู้ยังข้อง มีความโกรธ

ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิตที่ไม่ประเสริฐ ย่อมวิ่งพล่าน
สรรพสัตว์ยังท่องเที่ยวไป อนันตกาล
 หนีไม่พ้นมัน ความทุกข์

ตัณหา ยังคนให้เกิด
จิตที่ไม่ประเสริฐ ย่อมวิ่งพล่าน
สรรพสัตว์ ยังท่องเที่ยวไป อนันตกาล
หนีไม่พ้นมัน มีกรรมนำหน้า

โลก ถูกตัณหาก่อขึ้น
มืดทมึน ถูกชราล้อมไว้
ถูกมฤตยู ชี้เป็นชี้ตาย
โลกนี้ไซร้ ตั้งอยู่ในทุกข์

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ภัยใหญ่ของมนุษย์ (สุดที่ไม่อดทน) ความอดทน ย่อมตัดราก แห่งบาปทั้งสิ้น ทั้งใต้ดินบนดิน สิ้นไม่เหลือ รากแห่งการติเตียน ก็ไม่มี ไม่น่าเชื่อ ไม่เหลือ แม้แต่ราก การวิวาทกันได้..เป็นต้น

ภัยใหญ่ของมนุษย์
(สุดที่ไม่อดทน)


ความอดทน ย่อมตัดราก แห่งบาปทั้งสิ้น
 ทั้งใต้ดินบนดิน สิ้นไม่เหลือ
รากแห่งการติเตียน ก็ไม่มี ไม่น่าเชื่อ
ไม่เหลือ แม้แต่ราก การวิวาท..เป็นต้น

ด้วยขันตินั่นหนา คือตะบะ ไฟอย่างยิ่ง
กิเลสที่สิง อยู่ไม่ได้ หายสิ้น
ใจสะอาดสดใส สว่างไสว หมดราคิน
มีชีวิน พลิกผัน ปานคนละคน

ด้วยขันติ ได้บุญใหญ่ เรียกใหม่ว่าบารมี
มีอานุภาพ ปราบไพรี พ่าย
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
เป็นสูตรสำเร็จ เป็นความหมาย ของขันติ

ขันติ นี้คือ คนยอมคนก็ใช่
ไม่สู้ ไม่ทำร้าย แต่ไม่หนี
รักษา
ความดีเรื่อยไป สุดชีวี
ศรัทธาเต็มที่ ทุ่มชีวี รักษาธรรม

หน้าที่ขันติ ที่ยิ่งใหญ่ สู้ภัยตัณหา
มีใจจาคะ เสียสละ ไม่ติดโลก
ประหยัดสุด ประโยชน์สูง พ้นโศก

พ้นทางโลก เข้าสู่ทางธรรม อันอำไพ

เผยแผ่ศาสนา ปลูกฝังศรัทธา มหาชน
ความอดทน นำหน้า หมู่พาลาสยอง

ก้มหัวหลุบหาง ไม่กล้ามอง
จดจดจ้องๆ ดั่งต้องมนต์

อดทนที่สุด ใจต้องหยุดนิ่ง
หยุดแท้จริง ต้องนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
เป็นประตู ไปสู่ พระรัตนตรัยภายใน

พระธรรมกาย แก้วใส สว่างไสวในตัว

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2562

ทุกข์ด้วยตัณหา (ขจัดมันซะ ด้วยทาน):: ตัณหานั่นหละ เป็นที่มา ของทุกข์ทั้งหลาย ควรเราหญิงชาย ทุ่มเทใจ ขจัดมัน

ทุกข์ด้วยตัณหา
(ขจัดมันซะ ด้วยทาน)
ตัณหานั่นหละ
เป็นที่มา ของทุกข์ทั้งหลาย
ควรเราหญิงชาย
ทุ่มเทใจ ขจัดมัน
ทำสิ่งตรงข้าม
กับความ อยากนั้น
ด้วยการแบ่งปัน
ไม่หลงมัน ตัณหา
การให้จึงจำเป็น
ถ้าเห็นแก่ ชีวิต
ไม่อำมหิต
เข่นฆ่าชีวิต ของตนและคนอื่น
ด้วยการคบกับตัณหา
ที่มารส่งมา ลวงล่อคน
เหมือนปลาหลงกล
บ่วงเบ็ด เป็นเสร็จมาร
กามตัณหาเข้ามา
ทางหูตา จมูกลิ้นและสัมผัส
สำรวมให้จัด.. อินทรีย์
หนีตัณหา
ภวตัณหา
มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นที่มา
วิภวตัณหา
อึดอัดนักหนา กับสิ่งที่มีที่เป็น
ก็เพราะอยาก
จึงได้ยาก อยู่ทุกวันนี้
นั่งสมาธิ
ด้วยใจอยาก จึงไม่หยุด
ด้วยใจหยาบ
อารมณ์สะบาย ไม่ผุด
ต้องหยุด
ทั้งอยากไม่อยาก ใจจักสะบาย
มัตตัญญุตา
รู้จักว่า พอประมาณ
ไม่ตึงไม่ยาน
หลวงพ่อฯท่าน สอนสั่ง
หยุดเมื่อไร
สว่างไสว กระจ่าง
ความสุขพรูพรั่ง
ด้วยบุญประดัง มาสู่ใจ
บุญรออยู่แล้ว
รอเป็นแถว รอใจหยุด
เมื่อใจหยุด
จึงเร่งรุด เข้ามา
ความสุขประดัง
เราแทบตั้งตัวไม่ทัน เลยหนา
สมอุรา
น้ำตาไหล ใจปีติ

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ทุกข์เหลือล้น (เกินคนคาดคิด):: อริยสัจสี่ ที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ เราทุกผู้ ควรรู้ เอาไว้

ทุกข์เหลือล้น
(เกินคนคาดคิด)

อริยสัจสี่
ที่ พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้
เราทุกผู้
ควรรู้ เอาไว้

 พระพุทธองค์
ทรงตรัสรู้ อะไร
เป็นความรู้ ที่ยิ่งใหญ่
รู้ลึกซึ้งให้ได้ อย่าตายเปล่า
 
ตรัสรู้ คือทั้งรู้ทั้งเห็น
ความเป็นจริง
ของประเสริฐสี่สิ่ง
หรือความจริง สี่ประการ

อริยสัจสี่ เมื่อรู้เห็นได้
จะคลายทุกข์ ยืนนาน
เกิดวิชชาสามประหาร
กิเลสมาร ทันใด

ทุกข์อริยสัจ
รู้เห็นชัด ว่าเป็นทุกข์แท้
มีข้อแม้
เห็นแท้ ด้วยตา พระธรรมกาย

เห็นแจ่มแจ้ง
ทุกแห่ง ในอบาย
สรรพสัตว์น้อยใหญ่
ทุกข์หลาย น้ำตานอง

เห็นแล้วก็กลัว
จนตัว.. สั่น
คล้ายๆกัน
กับพระเตมีย์ ที่เห็นนรก

ที่ตนเองเคยพลาด
พ้นมาหมาดๆ จากที่ตก
สัตว์นรก ทุกข์เหลือล้น
เกินคน คาดคิด

เห็นแล้วปลง
จิตดำรง สถิตย์
เห็นนิมิตร สมุทัย
ตัวการใหญ่ ตัณหา

ตัณหาจึงคลาย
แหนงหน่าย หมดสนุก
ใจถูกผูก นิ่งสนิทติดแน่น
แม่นแล้ว นิโรธอริยสัจ

สุขในนิโรธ ยิ่งนิ่ง
ยิ่งดิ่ง ไม่หยุด
สุขสุดสุด
ดวงธรรมผุด สว่างจ้า

ธรรมดวงนี้ คือมรรคอริยสัจ
 หรือดวงธรรมานุปัสนา สติปัฏฐาน
ประตูไปสู่ พระนิพพาน
สูญหายไปนาน หลวงปู่ฯท่าน ค้นพบ 

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โลกไม่มีสุข (มีแต่สนุกสนาน):: โลกนี้ มีแต่ความทุกข์ ความสุข ไม่มีเลยหนา มีแต่สนุกสนาน เฮฮา หมดเวลา ไปวันๆ

โลกไม่มีสุข
(มีแต่สนุกสนาน)

โลกนี้ มีแต่ความทุกข์
ความสุข ไม่มีเลยหนา
มีแต่สนุกสนาน เฮฮา
หมดเวลา ไปวันๆ

คนทั้งหลาย ไม่เห็นทุกข์
ด้วยความสนุกสนาน ปิดกั้น
ตัณหา ทยานอยาก เมามัน
ลุ่มหลงกัน กามคุณ

  อย่างเช่นสูบบุหรี่ดื่มสุรา
บัณฑิตา บอกว่าจะมีทุกข์โทษ
แต่กลับกลาย เป็นของโปรด
น่าสลด น่าเวทนา

การมีครอบครัว
น่าหัว แพ้มารมัน
สุขน้อยนิด ทุกข์ทั้งนั้น
ได้ออกบวชจึงรู้ทัน ว่ามันทุกข์

สุขแท้ ได้แก่ใจหยุดนิ่ง
ไม่ไหวติง อยู่ในตัว
อยู่ภายนอก ตัณหาพันพัว
ใจระรัว หวั่นไหว ไม่มีหยุด

ความสนุกสนานตื่นเต้น
เป็น ความพอใจสมใจ
เสพแล้วก็ติด คิดเลิกไม่ได้
กามกิเลสยิ่งใหญ่ ของฝ่ายมาร

ทางสายกลาง
ทางปลอดกามคุณ
ทางเอกสายเดียว ไม่วุ่น
ผ่านศูนย์กลางกาย

จะเข้าทางนี้ได้ ยากนัก
ด้วยจักต้องมีศรัทธา
มีกัลยาณมิตร คบหา
มีโอกาสได้ศึกษา สมาธิ

ชึวิตเป็นของน้อยนิด
เมื่อคิดเทียบกับหลังตาย
มีสิ่งเดียวที่เอาไปได้
ใช่ คือบุญบารมี

ต้องเดินทางไกล
นับเวลาไม่ได้ ในวัฏฏะ
อยู่ในนรกอบาย มากกว่า
เสียน้ำตา ยิ่งกว่า น้ำมหาสมุทร

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

แกล้วกล้า (นำพามหาชนพ้นอบาย):: แปลกนักหนา ตัณหา ทะยานอยาก ทำให้เราจมปลัก อยู่กับความทุกข์

แกล้วกล้า
(นำพามหาชนพ้นอบาย)

แปลกนักหนา
ตัณหา ทะยานอยาก
ทำให้เราจมปลัก
อยู่กับความทุกข์

ล่อเราด้วยความสนุก
คิดว่าสุข เพลิดเพลินไป
ความอยากมากหลาย เหลือล้น
 แลกกับความตายของตนได้

เห็นทุกข์ก่อนน๊ะ
ตัณหา จึงจะเห็น
เห็นทุกข์ไม่ได้ ถ้าไม่อยู่เย็น
จึงต้องเน้น อินทรีย์สังวร

คือควบคุมอารมณ์
ที่ขย่ม ทางอายตนะหก ก่อน
ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไม่รนร้อน
พระท่านสอน ให้ใจเย็นๆ

คนทั่วไปทุกข์กายใจ
คล้าย ถูกแดดเผา
ไม่ทำความดี เป็นร่มเงา
ด้วยเพราะเขลา ไม่เห็นเงาธรรม

อยู่ในร่มธรรม
จึงจำเป็น
ความร้อนจากทุกข์เข็ญ
เบาบาง

เห็นตัณหา
ตัวกาลี ที่ก่อทุกข์
เห็นความไร้สาระ ที่พาสนุก
จิตถูกปลุกให้ตื่น

 การเลือกคบเพื่อนดี
พาไปในที่สงบ
ได้ยินได้ฟัง ครบ
จึงน้อมนบเป็น เมื่อเห็นพระ

เกิดปัญญา
เกิดนิพพิทา เบื่อหน่าย
กำหนัดจึงคลาย
ใช่ วิราคะ

เดินทางธรรม
ตามทาง พระศาสดา
แกล้วกล้า เสียสละ
นำพามหาชน พ้นอบาย

;;;;;;;;;;