วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567

มนุษย์เท่านั้น (บำเพ็ญทานได้) มีโภคทรัพย์สมบัติ ด้วยใจกว้าง ศรัทธาตั้ง บำเพ็ญทาน ประหยัดสุด ประโยชน์สูง ทุ่มชีวัน ด้วยเชื่อมั่น ในบุญ

 มนุษย์เท่านั้น
(บำเพ็ญทานได้)

มีโภคทรัพย์สมบัติ ด้วยใจกว้าง
ศรัทธาตั้ง บำเพ็ญทาน
ประหยัดสุด ประโยชน์สูง ทุ่มชีวัน
ด้วยเชื่อมั่น ในบุญ

จะบำเพ็ญทานได้ ไม่ง่าย
ไม่ใช่ เพียงเป็นคน
ต้องเป็นมนุษย์ใจสูง ไม่ใช่ปุถุชน
ศรัทธาล้น คนใจสูง

ปุถุชน เพียงเป็นคน ไม่ใช่มนุษย์
ใจไม่บริสุทธิ์ ไม่สูง
มีมิจฉาทิฏฐิ จูง
ชีวิตมุ่ง ลงต่ำ ถลำลึก
จะมีรูปสมบัติ ได้เพศบริสุทธิ์
มหาบุรุษ พระพุทธองค์
ต้องมีศีล มีมารยาท สูงส่ง
เอกองค์ น่ากราบน่าไหว้
ภัยพาลแพ้ใจ กลายเป็นมิตร
ร่วมคิด ร่วมสร้าง
ธรรมชาติสดใส สว่าง
โลกและสวรรค์ ไม่ต่างกัน
ศีลห้าพื้นฐาน การเป็นมนุษย์
ยอดสุด คือข้อห้า
เป็นมนุษย์ไม่ได้ ดื่มสุรา
ดับปัญญา ยอดคุณธรรม
สุรา ทำลายสติ
คุณธรรมสุดดี ของมนุษย์มนา
กายเป็นคน แต่ใจพาลา
เหมือนสรรพสัตว์ธรรมดา ทั่วไป

;;;;;;;;;;

คนใจไม่กว้าง (อ้างว้างโดดเดี่ยว) คนใจไม่กว้าง อ้างว้างโดดเดี่ยว หัวเดียว กระเทียมลีบ ตายแน่ หลังตาย คล้ายตื่นจากฝัน นั่นแหละ ฝันเป็นตุเป็นตะ ชัดแท้ เหมือนจริง

คนใจไม่กว้าง
(อ้างว้างโดดเดี่ยว)

คนใจไม่กว้าง อ้างว้างโดดเดี่ยว
หัวเดียว กระเทียมลีบ ตายแน่
หลังตาย คล้ายตื่นจากฝัน นั่นแหละ
ฝันเป็นตุเป็นตะ ชัดแท้ เหมือนจริง

อยู่ในโลกโลกีย์ เรานี้กำลังฝัน
บัณฑิตรู้ทัน จึงไม่ยึดติด
มีก็สักแต่มี เป็นก็สักแต่เป็น ไม่คิด
ทำงานสุจริต คิดแต่ดี
หลังตาย ต้องเดินทางไกล
ไกลแสนไกล อจินไตยนัก
สิ่งที่เคยมีในโลก ต้องพราก
จึงเหมือนกันนัก ความฝัน
ชีวิต มีกฎแห่งกรรม เป็นธรรมดา
มีวัฏฏสงสาร เวียนว่าย
มีทุกข์มาก ทุกข์หลาย
ด้วยมีอบายภูมิ คุกประหาร
ปุถุชน คนทั่วไป
ที่สังคมพาไป ไหลเหมือนน้ำ
กิเลสตัณหา ปิดตา พาลงต่ำ
หลังตายทุกข์ล้ำ ในอบายภูมิ
เดินทางไกล ตายแน่
ถ้าขาดเพื่อนแท้ อุปถัมภ์
เด็กทารกโชคดี มีมารดาคอยค้ำ
บุญอุปถัมภ์ คล้ายล้ำมารดา
ดังนั้น แสวงบุญสร้างบารมี กรณียกิจ
เป็นชีวิต ของผู้ไม่ประมาท
เป็นผู้มีปัญญา บัณฑิตชาติ
มีศรัทธา พระพุทธศาสนา

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567

พุทธศานาพุทธแท้ (แผ่บารมี) คนใจแคบ กับคนใจกว้าง มีนิสัยแตกต่าง อย่างเหวกับฟ้า คนใจกว้าง สุขอุรา สงเคราะห์ญาติกา และสังคม

 พุทธศานาพุทธแท้
(แผ่บารมี)

คนใจแคบ กับคนใจกว้าง
มีนิสัยแตกต่าง อย่างเหวกับฟ้า
คนใจกว้าง สุขอุรา
สงเคราะห์ญาติกา และสังคม
 
เห็นคนทุกข์ยาก เดือดร้อน
เข้าไปช้อน ไปอุ้ม อุปถัมภ์
เห็นสรรพสัตว์ ญาติทั้งนั้น
พระโพธิสัตว์ท่าน พระพุทธองค์
คนใจแคบ ตระหนี่
มีแล้วไม่ให้ ไม่เห็นประโยชน์
ให้แล้วก็หมด และต้องอด
เป็นคนโฉด ไม่รู้จักบุญ
เศรษฐีใจร้าย มากมาย ยุคทมิฬ
กอบโกย โกงกิน หินชาติ
แถมยังกล้า ทำลาย พระศาสน์
เผด็จการ อุกอาจ ไม่กลัวนรก
ภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม
กฎแห่งกรรม สะท้อน
คนบาป ถูกกำหราบ ถูกต้อน
โลกเหมือนละคร จริงๆ
ยังดี โลกนี้ มีพุทธแท้
แผ่บารมีตามแก้ ยังไม่สาย
หลวงปู่ฯหลวงพ่อฯคุณยายฯ
ช่วยโลกไว้ ได้ทันเวลา
เมืองไทย แดนพุทธศิวิไลซ์
ผู้คนหลั่งไหล มาไหว้พระ
อู่ข้าวอู่น้ำ ของโลกา
พุทธศาสนา พุทธแท้ แผ่บารมี

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567

กฎไตรลักษณ์ (ทำสรรพสิ่งเหมือนยิ่งพยับแดด) กฎไตรลักษณ์ ทำทุกสรรพสิ่ง เหมือนยิ่ง พยับแดด จับต้องไม่ได้ คล้ายกับ จะล่อให้ไป แต่เมื่อเข้าใกล้ กลับไม่มี

กฎไตรลักษณ์
(ทำสรรพสิ่งเหมือนยิ่งพยับแดด)

 กฎไตรลักษณ์ ทำทุกสรรพสิ่ง
เหมือนยิ่ง พยับแดด จับต้องไม่ได้
คล้ายกับ จะล่อให้ไป
แต่เมื่อเข้าใกล้ กลับไม่มี
เหมือนคน หาทรัพย์ ดับตัณหา
 แต่ว่า มีเท่าใด ก็ไม่พอ
หมู่มารใช้เป็นอุบาย ล่อ
เป็นไก่ต่อ ล่อลงอบาย
ดังนั้น การหาทรัพย์ คู่กับการทำทาน
 เพื่อป้องกัน ตัณหา พาฉิบหาย
ทรัพย์สมบัติ เป็นวิบัติ อันตราย
เลี้ยงลูกหลานไม่ได้ กลายเป็นโจร
การทำทานยังได้บุญ หนุนชีวิต
เทวดาสถิตย์ ปกปักษ์รักษา
 มีสัมมาทิฏฐิ มีศรัทธา
 ทางสมปราถนา ทางบุญ
 
กฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์ 
สร้างวัฏฏจักร ยากจักถ่ายถอน
เวียนว่าย ในอบาย อย่างแน่นอน
แสนทุกข์ร้อน สรรพสัตว์

มหาปูชนียาจารย์ ไปสุดธรรม
 ปราบไอ้ดำ ตัวการใหญ่
กลั่นแกล้งสรรพสัตว์ วนเวียนไป
น่าเวทนาหลาย เกิดตายๆ อนันตกาล
จะไปตามท่าน ต้องมุ่งมั่น
อุดมภ์การ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
อีกทั้ง แสวงบุญสร้างบารมี สุดแรง
ดุสิตบุรี เป็นแหล่ง ที่พักกลางทาง
สรรพสัตว์ ล้วนคือญาติ 
เคยรักร่วมชาติ ผูกพันทั้งนั้น
สงเคราะห์ญาติ บุญอนันต์
ทางสายกลางเท่านั้น สุขสันติ์ชีวิต

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567

อย่าไว้ใจทาง (อย่าวางใจคน) เพราะความไว้ใจ ภัยจึงตามมา กิเลสตัณหา ประมาทไม่ได้ ผู้ประมาท ไม่ต่างจากคนตาย หาบุญไม่ได้ หลังตายแล้ว

 อย่าไว้ใจทาง
(อย่าวางใจคน)

เพราะความไว้ใจ ภัยจึงตามมา
กิเลสตัณหา ประมาทไม่ได้
ผู้ประมาท ไม่ต่างจากคนตาย
หาบุญไม่ได้ เช่นเดียวกัน

เพราะอยู่ด้วยกัน นานเกินไป
เกิดเบื่อหน่าย ด้วยเห็นนิสัยไม่ดี
 คนที่รักก็มักหน่ายหนี
บัณฑิตจึงต้องฝึกสติ เป็นประจำ

อยู่ในพวกไพรีไม่นาน ปานเป็นปี
ต้องขันติ จึงอยู่ได้
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
คนมีขันติอยู่ไหว ได้บารมี
อยู่ร่วมกับ คนพาลคนจัญไร
 นำทุกข์มาให้ เป็นธรรมดา
เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู หรือคนบ้า
ท่านจึงว่า อย่าคบคนพาล
อยู่ร่วมกับปราชญ์ นำสุขมาให้
สุขหลาย เหมือนได้อยู่กับหมู่ญาติ
พาแสวงบุญ สร้างบารมี ไม่ขาด
นำธรรมปฏิบัติ มาสู่ชีวิต
สมาคมกับสัตบุรุษ นำสุขมาให้
สุขหลาย อยู่ใกล้คนดี
เหมือนอยู่ใกล้มารดา บุพพการี
สัตบุรุษ คนดี ศรีสังคม
ผู้คบคนเลว ย่อมเลวลง
ใจยาก จะปลอดโปร่ง โล่งเบา
เหมือนอยู่ใกล้ สุนักเน่า
มีแต่คนเขลา หรือหนอน จึงอยู่ได้

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ทางธรรม (ทางบุญอุปถัมภ์ ทางหนีวัฏฏะ) ชีวิต คือการเดินทางธรรม ทางบุญอุปถัมภ์ ทางหนีวัฏฏะ มีสติสัมปชัญญะ สันโดษสมถะ กิจวัตร

ทางธรรม
(ทางบุญอุปถัมภ์ ทางหนีวัฏฏะ)

 
ชีวิต คือการเดินทางธรรม
ทางบุญอุปถัมภ์ ทางหนีวัฏฏะ
มีสติสัมปชัญญะ
สันโดษสมถะ กิจวัตร
ทางเอกสายเดียว เอกายนมรรค
จงประจักษ์ ผ่านศูนย์กลางกาย
กฎแห่งกรรม กฎไตรลักษณ์ พ้นได้
ห่างไกล ตัณหา พญามาร
ที่พึ่งหนึ่งเดียว พระรัตนตรัย
ต้องผ่านศูนย์กลางกาย เท่านั้น
จะได้ เห็นแจ้ง พระนิพพาน
จึงสุดสำคัญ กายมนุษย์
พระนิพพาน ไม่ได้อยู่ที่ไหน
อยู่ใน ตัวเรานี้เอง
เป็นสัมมาสมาธิ หมู่มารเกรง
อย่าทำเป็นเก่ง บอกใครๆ ว่าไม่มี
ปุถุชน คนไม่ใส่ใจ เดินทาง
หยุดอยู่ท่ามกลาง กระแสกรรมวิบาก
ชีวิตถูกครอบงำ นำชัก
กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักรมาร
มัวเมา ทำมาหากิน
ปิดหูตาสิ้น ไม่ได้ยินคำพระ
มีชีวิต ไม่ต่างกับไก่กา
ไม่รู้สา มีชีวาไหลลงต่ำ
ไล่จับพยับแดด เป็นชีวิต
มีจิตกระหาย ไม่มีอิ่ม
นั่นหละคือมัน ตัณหา เหมือนสนิม
กินไม่อิ่ม พอไม่เป็น
กิเลสกรรมวิบาก
ทำทุกอย่างประจักษ์ เหมือนจับได้
ไม่รู้อิ่ม มักมาก แล้วก็มลาย
สุขกระหาย แล้วตายไปอบายภูมิ
แสวงบุญ สร้างบารมี
มีชีวี ทำพระนิพพานให้แจ้ง
ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป ไม่ตะแบง
บารมีแรง ชนะโลก
ทางโลก ทางวิบัติ
ทรัพย์วิบัติ ทำชีวิตข้องขัด มีปัญหา
เป็นทรัพย์ มีตัณหาปนมา
จึงไม่สุขสมอุรา แต่ว่ายิ่งพร่อง
ทางธรรม ทางสมบัติ และชัยชนะ
ทางอริยะ ทางบุญ
ปุถุชน คนทั้งหลาย ไม่คุ้น
มัวแต่วุ่น ทำมาหากิน
 
;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

น้ำกับสมบัติ (ไหลได้คล้ายๆกัน) น้ำกับสมบัติ ไหลได้ คล้ายๆกัน เป็นธรรมชาติ ปิดกั้น ไม่ได้ ใครอุตริ ปิดกั้น ชีวาวาย ธรรมาติยิ่งใหญ่ เหนือชีวิต

 น้ำกับสมบัติ
(ไหลได้คล้ายๆกัน)

น้ำกับสมบัติ ไหลได้ คล้ายๆกัน
เป็นธรรมชาติ ปิดกั้น ไม่ได้
ใครอุตริ ปิดกั้น ชีวาวาย
ธรรมชาติยิ่งใหญ่ เหนือชีวิต

น้ำ ไหลลงต่ำ
ไม่น่าขำ สมบัติไหล ไปที่สูง
ไปหาคนดี ที่มีศรัทธามุ่ง
ขึ้นสูง แสวงบุญ สร้างบารมี
บุญ อริยทรัพย์
เท่ากับ เป็นต้น เป็นบ่อ สมบัติ
ทรัพ์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ
แน่นขนัด อยู่ในทางธรรม
ทรัพย์สมบัติ ที่เรามีเราได้ในปัจจุบัน
เป็นผลบุญ ทั้งนั้นในอดีต
เป็นวิบาก ตามติด
เมื่อถึงขีด ถึงคราว
ไม่ใช่ ผลงานของเราในปัจบัน
วิบากบุญเก่า จัดสรรให้
คนพาล อกตัญญู จงรู้ไว้
กิเลสตัณหา จัญไร ปิดบัง
กิเลสตัณหา ทำให้เห็นว่า
บุญนั่นหนา ไม่มี
ทำบาป ก็หาทรัพย์ได้ เห็นไหมนี่
การทำชั่วทำดี ไม่มีผล
ยากนักหนา การเป็นสัมมาทิฏฐิ
ศรัทธามี ในบุญกุศล
โลกนี้ เป็นโลก ของปุถุชน
ยากเหลือล้น ชวนคนเข้าวัด

;;;;;;;;;;