วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ประพฤติธรรมเป็นนิสัย (ปานได้แก้ว) ชนเหล่าใด ประพฤติธรรม ตามคำ พระพุทธเจ้า ตรัสดีแล้ว ชนเหล่านั้น ดังได้แก้ว พ้นแล้ว บ่วงมาร

 

ประพฤติธรรมเป็นนิสัย
(ปานได้แก้ว)

ชนเหล่าใด ประพฤติธรรม
 ตามคำ พระพุทธเจ้า ตรัสดีแล้ว
ชนเหล่านั้น ดังได้แก้ว
พ้นแล้ว บ่วงมาร
 ข้ามแดนมฤตยู ที่ข้ามได้ยาก
สังสารวัฏฏ์ คุกประหาร
ยากยิ่งกว่ายาก จักพ้นมัน
ตัณหาผูกพัน เช่นปลาคุ้นกับน้ำ
ประพฤติธรรม เลิศล้ำมงคล
เดินถนนสายสุข ทุกข์ไม่มี
ถนนทางธรรม ห่างโลกโลกีย์
บุญบารมี สุขีสมปราถนา
กิเลสตัณหา โลกาโลกีย์
สุขจริงไม่มี มีแต่สนุก เพลิน
เหยื่อล่อ ให้หลง ไม่บังเอิญ
คนพาล เพลิน กิเลสตัณหา
ปุถุชน คนพาล ปานหนอน
สอนสั่ง อย่างไร ไม่มีฟัง
แม้เทวดาลงมาโปรด ก็ยัง
หนอนไม่ฟัง ขอเป็นหนอน
อยู่ในอบายภูมิ น้ำตานอง
ร่ำร้อง..หาบุญ หาพระมาโปรด
เมื่อได้เกิดใหม่ ลืมหมด
ตัณหาบังบด หมดปัญญา
ด้วยไม่ได้แสวงบุญ เป็นนิสัย
ทำให้ กิเลสตัณหา มาแซกได้
แสวงบุญ สร้างบารมี จึงยิ่งใหญ่
จงสร้างนิสัย ใฝ่ดี ประพฤติธรรม

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

โลกและชีวิต (มีจิตนำไป) ผู้ใด ปราถนา ทิพยสมบัติ สุขสมมาดด้วย ทรัพย์ อายุ ยศ สุข เว้นบาปทั้งหลาย ที่ให้ทุกข์ ประพฤติถูก สุจริตธรรม สามอย่าง

 โลกและชีวิต
(มีจิตนำไป)

ผู้ใด ปราถนา ทิพยสมบัติ
 สุขสมมาดด้วย ทรัพย์ อายุ ยศ สุข  
 เว้นบาปทั้งหลาย ที่ให้ทุกข์
ประพฤติถูก สุจริตธรรม สามอย่าง

กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
กายวาจาจิต บริสุทธิ์
การคิดการทำ การพูด
สามบริสุทธิ์ได้ ไม่ธรรมดา
กายสุจริต ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่เจ้าชู้
เป็นผู้ ไม่ทำผิดทางกาย
ไม่เป็นบุคคล อันตราย
สังคมวุ่นวาย ก็ด้วยบุคคลเช่นนี้
วจีสุจริต มีสี่บริสุทธิ์
ไม่พูดเท็จ ส่อเสียด หยาบ เพ้อเจ้อ
เป็นมธุรสวาจา นั่นแหละเธอ
ตั้งสติเสมอ เวลาจะพูด
มโนสุจริต ไม่คิดโลภอยากได้
ไม่คิดปองร้าย และมีความเห็นถูก
มโนสุจริตนี้ สำคัญที่สุด
ยิ่งกว่าพูด ยิ่งกว่าทำ
การฝึกตนฝึกใจ ให้นิ่งใสสว่าง
สำคัญจัง ณ ที่ศูนย์กลางกาย
มิฉนั้น ไม่อาจสู้มารร้าย
แม้เหาะได้ ก็ยังพ่ายตัณหา
โลกและชีวิต มีจิตนำ
บริสุทธิ์สาม จึงสำคัญ
ได้ทิพยสมบัติ บนสวรรค์
ทางคลองธรรมนั้น ทางชีวิต

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ต้นไม้ต้องการน้ำท่า (ชีวาต้องการน้ำใจ) ต้นไม้ ต้องการน้ำท่า ชีวา ต้องการน้ำใจ ชีวิต สว่างสดใส น้ำใจ นั้นใช่ คือบุญ

 ต้นไม้ต้องการน้ำท่า
(ชีวาต้องการน้ำใจ)

ต้นไม้ ต้องการน้ำท่า
ชีวา ต้องการน้ำใจ
ชีวิต สว่างสดใส
 น้ำใจ นั้นใช่ คือบุญ

บุญบันดาล สมบัติสาม จึงมี
สมบติสามนี้ จึงเป็นสมบัติ
ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ
เหมือนกันชัด อาจเป็นวิบัติก็ได้
หาทรัพย์ ด้วยตัณหา ทรัพย์วิบัติ
ไม่อาจ ให้สุขสมหวัง
หน้าตาเหมือนกัน แต่แตกต่าง
เหมือนหน้ากับหลัง อย่างนั้นเลย
ทรัพย์สมบัติ ได้มาด้วยฉันทะ
ตรงข้ามกับตัณหา อุปาทาน
ฉันทะ มีใจนุ่มนวล ควรแก่การงาน
  การบำเพ็ญทาน จึงจำเป็น
ทรัพย์วิบัติ กินใช้ ไม่มีอิ่ม
เหมือนสนิม อิ่มเหล็กไม่เป็น
กิเลสตัณหา มันซ่อนเร้น
ไม่ให้เห็น เป็นสนิมใจ
ทรัพย์วิบัติ ชาติทำลาย
สังคมอยู่ไม่ได้ คนขายชาติ
เหมือนยักษ์มาร อุบัติ
ธรรมชาติ ภัยพิบัติ ก็เกิด
โลกนี้เท่านั้น แสวงบุญได้
อายุก็สั้นหลาย ปานฟองน้ำฝน
น่าเวทนา เหล่ามหาชน
มัวสาละวน กับการทำมาหากิน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ใจเป็น (เช่นเด็กทารก) ใจเป็น เช่นเด็กทารก ไม่รู้จักสกปรก หรือสะอาด วิ่งไปทั่วทิศ ปลูดปลาด เฉลียวฉลาด น่ารักน่าถนอม

ใจเป็น
(เช่นเด็กทารก)

ใจเป็น เช่นเด็กทารก
ไม่รู้จักสกปรก หรือสะอาด
วิ่งไปทั่วทิศ ปลูดปลาด
เฉลียวฉลาด น่ารักน่าถนอม
ต้องมีมารดาบิดา รักษา
ไม่ให้ห่างสายตา ดูแล
จิตของคน ยิ่งซนแท้
ต้องมีสติ เป็นพ่อแม่ ติดตาม
การฝึกตนฝึกสติ กรณียกิจ
 ชีวิต แน่แท้ ขาดไม่ได้
นำความสุขความเจริญ มาให้
จงอย่าปล่อยใจ ไปตามยถากรรม
คนพาลไม่ฝึกฝน ไม่ทนตัณหา
เป็นอสุรา ยักษา โหดร้าย
ฟาดงวงฟาดงา เอาแต่ใจ
ก่อเวรกรรม อย่างใหญ่ ให้แก่ตน
ปุถุชน คนทั้งหลาย
ไหลตามกันไป คล้ายน้ำ
ปล่อยตัวตามใจ ไปทางต่ำ
เป็นทางที่มืดดำ ทางโลกีย์
ตายนั้นก็กลัว แต่ไม่เตรียมตัวตาย
ยังไงๆก็ต้องตาย ขอใช้ชีวิต
หาโลกียสุข สนุกสนาน สุดขีด
นี้เป็นความคิด ของนักโทษประหาร
สังสารวัฏ แน่ชัด คุกประหาร
ปุถุชน แม่นมั่น ไปอบายภูมิ 
 แสวงบุญสร้างบารมี นั้น ผู้มีบุญ
ไม่ต้องลุ้น แน่นอนได้ ไปสวรรค์

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ไม่ประมาทแม้ขณะ (ธรรมดาของบัณฑิต) ฟังธรรมแม้น้อย เห็นธรรมได้ เกิดความเลื่อมใส ใจศรัทธา จึงไม่ควรประมาท ทุกขณะ ผู้นั้นได้ชื่อว่า ทรงธรรม

 ไม่ประมาทแม้ขณะ
(ธรรมดาของบัณฑิต)

 ฟังธรรมแม้น้อย เห็นธรรมได้
เกิดความเลื่อมใส ใจศรัทธา
จึงไม่ควรประมาท ทุกขณะ
ผู้นั้นได้ชื่อว่า ทรงธรรม

ผู้ไม่ประมาท มีธรรมชาติปีติ
เป็นเทวดา ทั้งๆที่ ยังเป็นมนุษย์
มีอานุภาพ และมีสุข
คนยอดสุด มนุสส..เทโว
ผู้ไม่ประมาท มีธรรมชาติจรดใจ
จรดไว้ ในตนเสมอ
เป็นไปโดยอัตตโนมัติ ใจจึงไม่เบลอ
สุขใสเสมอ และเป็นสุข
การฝึกสติ จึงเป็นกรณียกิจ
มุ่งชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้ง
แสวงบุญสร้างบารมี สุดแรง
เข้าถึงแหล่ง พระรัตนตรัยในตัว
ใจที่ไม่ประมาท เมื่อถูกสะกิด
ฟังธรรมแม้นิด ก็เห็นธรรม
ส่วนผู้ประมาท เหมือนคนที่ตายล้ำ
จะฟังธรรม..อย่างไร ก็ไม่เห็น
ถึงจะอยู่ใกล้บัณฑิต ชั่วชีวิต
ก็สะกิดคนโง่ ให้รู้ธรรมไม่ได้
เหมือนทัพพี หารู้รสแกงไม่
ปุถุชนคนทั้งหลาย ก็เหมือนกัน
ผู้มีปัญญา แม้ว่าอยู่ครู่เดียว
ฉลาดเฉลียว รู้แจ้งธรรมได้
 เหมือนลิ้น ย่อมรู้รสแกงทันใด
ผู้ไม่ประมาท สติใส คือบัณฑิต

;;;;;;;;;; 

วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ศูนย์กลางกาย (ใช่สัมมาสมาธิ) ไตร่ตรองธรรม แยบคาย เห็นอรรถได้ ด้วยปัญญา หลุดพ้นแห่งใจ ย่อมมีมา เมื่อตัณหา ลับ เหมือนดับไฟ

 ศูนย์กลางกาย
(ใช่สัมมาสมาธิ)

ไตร่ตรองธรรม แยบคาย
เห็นอรรถได้ ด้วยปัญญา
หลุดพ้นแห่งใจ ย่อมมีมา
เมื่อตัณหา ลับ เหมือนดับไฟ

เมื่อได้คิด ก็คิดได้
คิดได้ง่าย จรดใจ ที่แหล่งสำเร็จ
ที่ศูนย์กลายกาย เป็นกลเม็ด
ฝึกสติ ณ จุดสำเร็จ ได้ปัญญา

คิดแยบคาย ไจจรดศูนย์ฯ
น่าอาดูร คนทั้งหลาย ไม่เชื่อ
ไม่ง่ายไม่ยาก ขอให้ฝึก อย่าเบื่อ
ฝึกทุกเมื่อ ทุกอิริยาบถ
ทำพระนิพพานให้แจ้ง กิจกรณีย์
 การฝึกสติ นี้จำเป็น
เกิดปัญญา เกิดศรัทธา ไม่ใช่เล่น
ที่ยากเข็น เป็นศูนย์กลางกาย
สัมมาสมาธิ เป็นที่ถกเถียง
การเอาเยี่ยง เสียหน้า
ยิ่งมีชื่อเสียง คนศรัทธา
ยากนักหนา การเปลี่ยนนิสัย
ศูนย์กลางกาย สัมมาสมาธิ
โดยมี พระรัตนตรัยในตัว ปรากฏ
ทำพระนิพพานให้แจ้งได้ หมดจรด
พระผู้รู้ มีปรากฎ ให้เห็น
โยนิโสมนสิการะ ไตร่ตรองธรรม
ดวงสว่างล้ำ ที่ศูนย์กลางกาย
เกิดปัญญา ตรองตาม ได้ง่ายๆ
ทั้งรู้ทั้งเห็นได้ รู้อรรถรู้ธรรม

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สร้างบารมี (ชุบชีวีทั้งตนและหมู่ญาติ) ท่านผู้ลับ ดับสิ้นแล้ว กิเลส เข้าสู่เขต พระนิพพาน มีมากมาย ไม่มีประมาณ สงบปาน น้ำมหาสมุทร ยามไร้ลม

 สร้างบารมี
(ชุบชีวีทั้งตนและหมู่ญาติ)

ท่านผู้ลับ ดับสิ้นแล้ว กิเลส
 เข้าสู่เขต พระนิพพาน
มีมากมาย ไม่มีประมาณ
สงบปาน น้ำมหาสมุทร ยามไร้ลม
เมื่อธรรมทั้งปวง มีขันธ์เป็นต้น
สะอาดบริสุทธิ์ หลุดพ้นแล้ว
เหมือนพระอาทิตย์ ให้แสงแก้ว
 พ้นแล้ว จากคลองของถ้อยคำ
เหมือนไม่มีอดีต และอนาคต
สะอาดหมดจด สงบสว่าง
ล้ำสุขดื่มด่ำ ในกลางของกลาง
ไม่ละไม่วาง เข้านิโรธสมาบัติ
ทำพระนิพพานให้แจ้ง กรณียกิจ
มีชีวิต เพื่อกิจการนี้
กฎไตรลักษณ์ กฎแห่งกรรม มี
จะหนี ก็มีแต่ ที่พระนิพพาน
แสวงบุญสร้างบารมี นี้พื้นฐาน
 ไม่เข้านิพพาน พักที่สวรรค์ได้
มิฉนั้น จะมีทุกข์ใหญ่
ว่ายเวียนไป ในวัฏฏสงสาร

 บอกอย่างไร ไม่มีใครเชื่อ
ปุถุชนเป็นเบื้อ ปัญญาอ่อน
เป็นอานุภาพตัณหา แน่นอน
ยกเว้น ผู้สอน มีบารมี

การสร้างบารมี จึงเป็นกรณียกิจ
ชุบชีวิต ทั้งตนและญาติ
ตามติดมหาปูชนียาจารย์ จึงอาจ
ทุกภพชาติ ขอตามรอยบาทท่าน

;;;;;;;;;;