วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รู้จักสติสัมปชัญญะ (ชีวาปลอดภัย) สติ คือการระลึก นึกได้ สัมปชัญญะ ตรองตรึกไว้ ในกายตน หรือวิตกวิจาร ทำใจสงบสงัด หายหม่น ปีติสุขล้น สว่างไสวเมื่อใจพ้น นิวรณ์ห้า

รู้จักสติสัมปชัญญะ
(ชีวาปลอดภัย)

สติ คือการระลึก นึกได้
สัมปชัญญะ ตรองตรึกไว้ ในกายตน
หรือวิตกวิจาร ทำใจสงบสงัด หายหม่น
ปีติสุขล้น สว่างไสวเมื่อใจพ้น นิวรณ์ห้า

สติสัมปชัญญะนี้ มีอุปการะนัก
ทำให้ใจเราออกจาก นิวรณ์ห้า
อันเป็นอุปสรรค เป็นเครื่องกั้น บุญญา
จากพระนิพพาน ไหลมา ค้ำชีวาของเรา

การเจริญภาวนา นั่งสมาธิ หรือการเจริญสติ
จึงเป็นกิจกรณีย์ ของบัณฑิต ผู้มีปัญญา
อัตตสุทธิ ทำตนให้บริสุทธิ์ จากนิวรณ์ห้า
จึงสำคัญนักหนา ต่อชีวิต

ผู้มีปัญญา มีทานศีลภาวนา เป็นทางชีวิต
ทำจิต..ให้บริสุทธิ์ จากโลภโกรธหลง
ชีวิตไร้อันตราย มีกินมีใช้ ใจปลอดโปร่ง
ชีวิตปลดปลง สันโดดสมถะ สมปราถนาทุกประการ

ทานศีลภาวนา ขยายออกมา เป็นบารมีสิบ
เราต้องรีบสร้าง ก่อนออกจากร่างมนุษย์
วนเวียนว่าย นานหลาย ใช้บารมีอุตลุด
เป็นมนุษย์..เท่านั้น สำคัญ สร้างบารมีได้

การสร้างบารมี เวลาดี คือมีสงฆ์
อันเป็นองค์ เสริมส่ง สืบทอด ศาสนา
บุญสูงส่งยิ่งนัก ถ้าหากมีศรัทธา
ทุ่มชีวา แสวงบุญญา สร้างบารมี

ชีวิตสรรพสัตว์ แน่ชัด เดินทางไกล
วนเวียนไป ไม่มีต้นปลาย ในวัฏฏสงสาร
บุญบารมี เป็นเสบียง เลี้ยงสังขาร
สุขอนันต์ อยู่บนสวรรค์ เสวยบุญ

คนทั่วไป ไม่แสวงบุญสร้างบารมี
ยากเหลือที่ จะได้ ไปสวรรค์
พระท่านเปรียบไว้ ไปได้เท่าเขาวัว เท่านั้น
เมื่อเทียบกัน กับขนวัว ไปอบาย

 มีสติสัมปชัญญะ ไม่หลงมายา ภาพลวง
เป็นบ่วง..ของมาร ให้รู้ทันกรรมวิบาก
ทุกอย่างที่เห็นที่เป็น จงประจัก
เป็นกรรมวิบาก ที่ออกจากใจ

จงอดทนอดกลั้น ไม่กระสัน ไม่หุนหัน เฉยๆไว้
รักษาใจ อย่าให้ตก พ้นนรกพ้นปัญหา
ไม่สู้ไม่หนี ทำความดีเลื่อยไป ไม่เลิกลา
ตั้งสติไว้อย่างว่า ทานศีลภาวนาเรื่อยไป

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เคารพคารวะ (นำพาสู่ความเจริญ) ความเคารพคารวะ ลักษณะผู้เจริญ ไม่นานเกิน ความเจริญจะมาถึง คนนิยม เคารพรักใคร่ ได้เป็นใหญ่ คนตลึง คิดไม่ถึง อานุภาพคารวะ จะขนาดนั้น

เคารพคารวะ
(นำพาสู่ความเจริญ) 

ความเคารพคารวะ ลักษณะผู้เจริญ
ไม่นานเกิน ความเจริญจะมาถึง
  คนนิยม เคารพรักใคร่ ได้เป็นใหญ่ คนตลึง
คิดไม่ถึง อานุภาพคารวะ จะขนาดนั้น

ตัวอย่างๆดี ดูได้ที่ คุณยายจันทร์ฯ
ท่านมุ่งมั่น กตัญญู ตามหาหลวงปู่ฯวัดปากน้ำ
ยายฯยอมคน ไม่มีบ่น สักคำ
หลวงปู่ฯวัดปากน้ำ ยกนิ้วใหั หนึ่งไม่มีสอง

ความเคารพไม่ง่าย ไม่เพียงยกมือไม้ ไหว้เท่านั้น
ที่สำคัญ อยู่ที่ใจ ตระหนักใน ความดีของเขา
และข่มไว้ แม้มีหลาย ความดีของเรา
 ความไม่ดีของเขา เรา..มองข้ามไป

เคารพปฏิสันถาร จึงสำคัญต่อการอยู่ร่วม
คือพูดจาสำรวม จับแต่ดี ที่เขามีอยู่
ต้องเคารพไม่ประมาท ไม่ขาดสติ ระลึกรู้
มีสัมปชัญญะ ประคองสติไว้ 
อยู่..ในกายตน

ความไม่ประมาท เป็นธรรมชาติ ทางสายกลาง
  
ทางสมหวัง อริยะ สมปราถนา 
 อยากสุขสมมาด แน่ชัด เคารพการศึกษา
ทานศีลภาวนา มุ่งหน้าเข้าวัด ปฏิบัติธรรม

เคารพการศึกษา ต้องคารวะ พระสงฆ์
ท่านมีหน้าที่ดำรง เสริมส่ง พระศาสนา
เป็นกัลยาณมิตร ทั่วทุกทิศ นำปวงประชา
และเป็นเนื้อนา..บุญญา อันประเสริฐ

สงฆ์ เป็นองค์ พระรัตนตรัย
มีอานุภาพอจินไตย เป็นที่กราบไหว้บูชา
 แม้ปลายพระศาสน์ มีแถบผ้าเหลืองคาดคอ เท่านั้นหละ
สงฆ์จึงดำรงสถานะ เป็นที่พึ่งพา ของสรรพสัตว์

พระสงฆ์ เป็นองค์ รักษาพระธรรม
เช้าสายบ่ายค่ำ ปฎิบัติธรรม เป็นอาจิน
เคารพสงฆ์ ต้องเคารพธรรม ไม่อาจดิ้น
มุ่งชีวินประพฤติธรรม นำชีวิต

เคารพในพระพุทธฯ เป็นต้นสุด ของเคารพ
ใครไม่น้อมนบ จะพบปัญหา เข้าทางตัน
ตอน ใกล้ตาย จึงรู้ได้ แต่สายเกินการ
เข้าสู่คุกประหาร อนัตกาล วัฏฏจักรชีวิต 

 เคารพพระพุทธ เคารพไท้ ในปัญญาตรัสรู้
พระผู้ ทั้งรู้ทั้งเห็น เรื่องโลก และชีวิต
มีอานุภาพไม่มีประมาณ อนันตกาล สุดขีด
จึงเป็นที่พึ่ง ของชีวิต หนึ่งในพระรัตนตรัย

คารวะ พระรัตนตรัย ใจจะใส ปีติ
ขจัดบาปอัปปรี ที่เป็นปัญหา
เคารพอย่างอื่น สุดใจ ไม่เกิดปัญญา
ไม่เกิดบุญญา สุขสมปราถนา จึงไม่มี
 
 ;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จิตเมตตา (บุญวาสนาไหลมาไม่ขาด) ผู้มีจิตเมตตา ดุจมารดา หาได้ยาก ใจต้องสว่างมากๆ รักการปฏิบัติธรรม ทานศีลภาวนา กิจวัตร ประจำ

จิตเมตตา
(บุญวาสนาไหลมาไม่ขาด)

พระสารีบุตร อรหันต์ ท่านเลิศทางปัญญา
เอตทัคคะ เบื้องขวา ของพระพุทธเจ้า
 ท่านอ่อนน้อม ถ่อมตน มีเรื่องเล่า
 มีสามเณรน้อย ๗ ขวบ กล่าว..เตือน

ว่า ผ้านุ่งแลบออกมา นะ พระอาจารย์
 ท่านยิ้มขันๆ แล้วหัน หาที่เหมาะ
จัดแจงผ้านุ่ง ให้เรียบร้อย จำเพาะ
แล้วถามล้อๆ และขอขอบคุณ

พระอาจารย์ เป็นอย่างไร ดีไหมอย่างนี้
ขอบคุณที่ช่วยชี้ นี้เป็นมหากรุณา
พร้อมกับยกมือไหว้ ด้วยใจเมตตา
ดูเหมือนง่ายๆ แต่ว่า ยากนัก

ผู้ไม่เกลี้ยวกลาด เมื่อมีผู้บังอาจตักเตือน
เป็นผู้ใหญ่ หรือเพื่อน ก็ยังไม่เป็นไร
นี้เป็นผู้น้อย ต้อยต่ำ ช่างกล้าหลาย
ท่านสารีบุตร ท่านมียศใหญ่ ใจเมตตา

มิน่า ท่านเอตทัคคะ ทางปัญญา
มีใจสว่างเจิดจ้า ยิ่งกว่าพระอาทิตย์
ใจมีแต่เมตตา ดุจมารดาทุกขณะจิต
แม้ลูกน้อยจะออกฤทธิ์ จิต ก็ไม่หวั่นไหว

ความโกรธเกลียดอาฆาต ขจัดออกสิ้น
เหมือนผลไม้น่ากิน มีรสซาบซ่าน หวานสนิท
มีรสอร่อย และมีคุณไม่น้อย เกินคิด
 มหาชนตามติด แสวงหา

ผู้มีความเกลี้ยวกลาด ด้วยจิตขาดเมตตา
สิ่งที่ตามมา คือใจหมองหม่น
ความสุขหดหาย ความโชคร้าย หนีไม่พ้น
เป็นคนเหมือนไม่ใช่ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ถอยห่าง

ผู้มีจิตเมตตา ดุจมารดา หาได้ยาก
ใจต้องสว่างมากๆ รักการปฏิบัติธรรม
ทานศีลภาวนา กิจวัตร ประจำ
มีบุญวาสนาค้ำ มีแต่ความสุขสำเร็จ

;;;;;;;;;;

โลกยุคศิวิไลซ์ (ไทยมหารัฐ) บัณฑิตสดุ้งภัย เมื่อได้เห็น ชาติชรามรณะ เหมือนกับว่า เป็นไฟ ไหม้เรือนตน จึงรีบขวนขวาย อยู่เฉยไม่ได้ หนีให้พ้น ขนสมบัติออกจากเรือนตน ด้วยการทำทาน

โลกยุคศิวิไลซ์
(ไทยมหารัฐ) 

บัณฑิตสดุ้งภัย เมื่อได้เห็น ชาติชรามรณะ
เหมือนกับว่า เป็นไฟ ไหม้เรือนตน
จึงรีบขวนขวาย อยู่เฉยไม่ได้ หนีให้พ้น
ขนสมบัติออกจากเรือนตน ด้วยการทำทาน

 ทำทานได้ ด้วยใจ เลื่อมใสศรัทธา 
 ทรัพย์หยาบ จะ
เปลี่ยนมา เป็นบุญ
ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ ยิ่งไหลก็ยิ่งมี  บุญวาสนาหนุน
เอาบุญต่อบุญ บุญวาสนาไหลมาไม่ขาด

คนทั่วๆไป มีใจมืดบอด
แม้เห็นตลอด แต่ไม่รู้สึกรู้สา
เหมือนวัวควาย ไม่อาย แม้แก้ผ้า
ใจใสมีปัญญา หิริโอตัปปะ จึงจะเกิด

คนทั่วไป เห็นเกิดแก่เจ็บตาย จึงเฉยๆ
ปล่อยปละละเลย..ชีวิต คิดแต่เรื่องโลกๆ
มีชีวิตคล้ายปลาตาย ไหลตามกันไป สู่นรก
พระไม่พูดตลก นรกมีจริง

หญิงแก้ผ้า แทบอ้าซ่า สมัยนี้
คนอัปปรี เกิดมีทุกแห่งหน
โหดร้าย ใจดำ ไม่ว่ามีหรือจน
หน้าเป็นคน แต่ใจนั้น พ้นสภาวะ

ธรรมชาติทนไม่ได้ จึงเกิดเรื่องใหญ่ ภัยโควิด
ภัยธรรมชาติออกฤทธิ์ อย่างไม่เคยคิด ไม่เคยเห็น
คนชั่วเจ็บป่วย มอดม้วย นี้ช่างเป็น
เศรษฐกิจ เกิดยากเข็น ซ้ำเติม

เป็นโอกาศของพญามาร ออกรอนราน สรรพสัตว์
ใช้กฎแห่งกรรม อย่างเคร่งครัด ตัดรอน
ฝ่ายพระ ฝ่ายบุญ ถูกต้อน
เข้าไปช้อน เข้าไปอุ้ม สุดกำลัง

โลกกำลังเปลี่ยน เวียนวน สู่ยุคใหม่
ยุคพระธรรมกาย ยุคไทยมหารัฐ
ถนนทุกสาย บ่ายหน้ามา แน่นขนัด
ล้วนแต่คนฉลาด มีปัญญา มาปฏิบัติธรรม

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ทางสายสมบัติ (ถึงพระรัตนตรัย ไปพระนิพพาน) เราพูดกันแต่ทานๆ บันดาล ทรัพย์สมบัติ แต่คนมิคาด ศีลและภาวนา ลัดยิ่งกว่า ทาน เปรียบปาน ภาชนะปากกว้าง ตั้งนิ่ง นั่นหละ รองรับน้ำฝน จากฟ้า บุญญาจากพระนิพพาน

ทางสายสมบัติ
(ถึงพระรัตนตรัย ไปพระนิพพาน)



 เราพูดกันแต่ทานๆ บันดาล ทรัพย์สมบัติ
แต่คนมิคาด ศีลและภาวนา ลัดยิ่งกว่า
ทานเหมือน ภาชนะปากกว้าง ตั้งนิ่งๆนั่นหละ
รองรับน้ำฝนจากฟ้า บุญญาจากพระนิพพาน

มหาทาน คล้ายกันกับ แม่น้ำคงคา
ไหลตลอดเวลา มาเลี้ยงมหาชน
มหาเศรษฐีใจบุญ ใจกุศล
มีศรัทธาเปี่ยมล้น ทำบุญกุศล สุดชีวิต

ทาน เพียงการให้ สิ่งนอกกาย
สู้ศีลไม่ได้ บุญหลาย ให้อวัยวะ
ให้อภัย ไม่โกรธ ไม่ถือสา
จึงให้ได้ยากกว่า อานิสงส์จึงมาก

หลวงปู่ฯกล่าว เราเสียทรัพย์เท่าใดไม่ว่า
ส่วนเสียศีล นั้นอย่า รักษาไว้ให้ดี
รักษาตน เป็นคนบริสุทธิ์ รักศักดิ์ศรี
ดูดทรัพย์ได้อย่างดี มิเดือดร้อน

ศีลเปรียบได้ ภาชนะทั้งใหญ่ ทั้งปากกว้าง
หงายปากตั้ง บริสุทธิ์สดใส สะอาด
ทรัพย์หลั่งไหล มากันใหญ่ อัตโนมัติ
เพียงขอให้ บริสุทธิ์สดใสสะอาด จริงๆเถอะ

ศีลเปรียบได้ ภูเขาใหญ่ป่าใหญ่ ต้นน้ำ
มีฝนตกประจำ อุ้มน้ำ ทะยอยไหลทั้งปี
ไหลสู่แม่น้ำ ห้วยละหาน ลำนที
หล่อเลี้ยงชีวี สรรพสัตว์

ภาวนา เกิดความสว่างจ้า มีเมตตามาก
ประดุจมารดา รัก..บุตร สุดขีด
แม่ไก่ ไม่กลัวอีการ้าย รักลูกไก่ยิ่งกว่าชีวิต
ใจจึงสว่างสุดขีด มีบุญประสิทธิ์ ให้สุขสม


ภาวนา มหานทีใหญ่ ทะเลมหาสมุทร
สำคัญสุด ให้มหาเมฆฝน
เลี้ยงพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ทั่วสากล
เป็นฝน หล่นจากฟ้า ที่ป่าใหญ่ภูเขาใหญ่ต้นน้ำ

ภาวนาแสดง เข้าถึงแหล่ง พระนิพพาน
แหล่งบุญไพศาล แผ่ไป ไม่หยุดหย่อน
ผู้ใดมีศรัทธา ย่อมได้รับแน่นอน
มีสติสัมปชัญญะ ไม่หย่อน รักษาไว้ในตน

ทานศีลภาวนา เป็นมรรคา สายสมบัติ
สมบัติจักรพรรดิ์ แน่นขนัด อยู่สายนี้
ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ์ คุณสมบัติ สารพัดมี
ทางสุขี ทางพระรัตนตรัย ทางไปสู่พระนิพพาน

;;;;;;;;;;

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

OFFERING (ALIKE DESERTED GRASS BUT SO GREAT) Offering to monk is comparable to the grass at the mouth of the stall. Cows don't care at all, although very beautiful, with a mind focused on the field, striving for.

 OFFERING
(ALIKE DESERTED GRASS BUT SO GREAT)


Offering to monk is comparable to the grass
at the mouth of the stall.
Cows don't care at all, although very beautiful,
with a mind focused on the field, striving for.
Like people, they are not interested in offering.

The field of people cared for are livelihoods.
Making a living endlessly, no boredom,
eating and excreting, everyone alike.
 Not knowing that life must be lived 
not only that. 
Life fulfilled as a dream if you realize offering.

Whatever you give, you will get it 
with certainty, without any doubt.
Whatever you plant, you will get that.
Its normal.
Plant rice getting rice, plant bean getting bean,
plant sesame getting sesame.
Its the law of karma, law of ordinary, the nature.

The offering has many virtues, the Buddha said:
the person who  gives food
as if giving strength.
Giving clothe is known as giving caste or complexion.
 Giving vehicle is known as giving happiness.

 Giving lamp is called giving an eye.
Giving shelter is called giving everything.
 The Dhamma teacher is known as giving way,
 the bright noble way.

Therefore, offerings are indispensable,
bringing perfect happiness.
Out of all suffering,
there is only happiness and fulfillment.
 The family is cool, the relatives are cheerful.
People are unified, well- being and happiness.

;;;;;;;;;;