แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชชา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิชชา แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564

วิชชาธรรมกาย (วิปัสสนา วิชชาของชีวิต) อยู่คนเดียว ระวังความคิด อยู่กับมิตร ระวังวาจา ระวังหนา รักษาสติสัมปชัญญะให้ดี เป็นพิเศษ

วิชชาธรรมกาย
(วิปัสสนา วิชชาของชีวิต)
อยู่คนเดียว ระวังความคิด อยู่กับมิตร ระวังวาจา
รักษา สติสัมปชัญญะให้ดี เป็นพิเศษ
กิเลสจัญไร ได้โอกาศใหญ่ ก่อเหตุ
ถ้าไม่ระวัง เป็นเสร็จ เกิดกิเลสก่อกรรม
ใจ ไวยังกับลิง ชอบวิ่งลงต่ำ
ใจมืดดำ ขาดสติ นี้เรียกว่าประมาท
เมื่อคิด เมื่อพูด ไม่มีหูรูด ปลูดปลาด
คนทั้งหลาย อวดฉลาด ไม่ใส่ใจจดจำ
โลกโลกีย์ มียอดหวาน แต่รากนั้นขม
ถูกรสนิยม เหมือนดื่มสุรา แต่ว่าทำลายสติ
อันเป็นคุณธรรม ประดุจมารดา รักษาบุตรสุดชีวี
ใครทำลายสติ ได้ชื่อว่า ไม่รักษาตน
คนขาดสติ สนุกล้ำ กามโลกีย์
เพลิดเพลิน แสงสี เป็นแมงเม่า 
มีอันตรายใหญ่หลวง ติดบ่วงมาร มัวเมา
วิบากกรรมเก่า ตามขยี้ มิได้ผุดมิได้เกิด
คนขาดสติ ฝังใจต่ำ นำความคิด
 กระหายจิต วิ่งใส่ สิ่งภายนอก
 ร้อนรน ไม่ทน สิ่งยั่วยวนหยอก
เกิดอวิชชา เป็นเมฆหมอก..บังตา หมดสภาพ
อย่าปล่อยให้จิตตก ให้ยกด้วยสติ
 คบหาเพื่อนดี กัลยาณมิตร ไว้
เกิดปัญญาสว่าง ส่องทางชีวิต ไฉไล
บาปอยู่ไม่ได้ บุญหลั่งไหลล้น
อยู่คนเดียว โดดเดี่ยว อย่าเปลี่ยวใจ
เป็นภัย ต่อตน คนไม่รู้
บาปได้ช่อง ไหลนอง ใจหดหู่
อุปสรรค นกรู้ กรูเข้ามา
อยู่กับมิตร อย่าประมาทแม้นิด ให้ระวังวาจา
เจริญเมตตา จึงจะระวังรักษาได้
 วาจา ที่ขาดสติ มีปัญหาใหญ่
 วาจาไหลรื่นไป บุญหดหาย บาปไหลมา
การระวังความคิดและวาจา คนธรรมดาทำไม่ได้
ต้องเข้าใจ คำว่าสมถะสันโดษ ขอย้ำ
คือประหยัดสุด ประโยชน์สูง มุ่งปฏิบัติธรรม
เห็นแจ้งเลิศล้ำ วิปัสสนา ด้วยวิชชาธรรมกาย

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

คนดีแท้ (ได้แก่นักสร้างบารมี) อยากมีอายุยืน ไม่เจ็บป่วยไข้ ให้สร้างบารมี คือแสวงบุญเต็มที่ เอาชีวีเป็นเดิมพัน

 คนดีแท้
(ได้แก่นักสร้างบารมี)

อยากมีอายุยืน ไม่เจ็บป่วยไข้ ให้สร้างบารมี
คือแสวงบุญเต็มที่ เอาชีวีเป็นเดิมพัน
ทำพระนิพพานให้แจ้ง ณ ตำแหน่ง ศูนย์กลางกาย เท่านั้น
 จะเกิดปีติสุขสันติ์ สมปราถนา ทุกประการ

ใจปีติ นี้สำคัญ เปรียบปานอาหารทิพย์
จึงต้องรีบ สร้างบารมี หนีความเจ็บไข้
หนีคนภัยคนพาล หนีวัฏฏสงสารมหาภัย
หนีความโชคร้าย ประสพแต่ชัยชนะ

นักสร้างบารมี เหมือนอยู่ในที่ปลอดภัย
อยู่บนเรือใหญ่ ในขณะที่คนทั้งหลาย แหวกว่ายในทะเล
อันมีภัยมาก แต่ก็รักที่จะอยู่อย่างนั้น ด้วยมันเก๋
ดูมันเท่ แหวกว่ายวน อวดตน เป็นคนเก่ง


คนชั่วได้ดี มีลาภมียศ ปรากฎนาม
บุญวาสนายังค้ำ ยังอุปถัมภ์อยู่
หรือ เป็นบริวาร ที่พญามารอุ้มชู
เมื่อเสร็จศึก โคถึกถูกเชือดร้องอู้ สู่นรก

เป็นคนดี ใจจะมี ปีติอยู่เป็นนิจ
ใจจะนิ่งนุ่มสนิท อยู่ภายใน
อิ่มเอิบเบิกบาน อุปสรรคภัยพาลไม่มีใกล้
หายเจ็บป่วยไข้ สุขสมปราถนาทุกประการ

เป็นคนดี มีหลักดำเนินชีวิต
เดินตามทิศ ตามทาง ห่างอกุศล
ขยันทำดี กายวจี และกมล
กระตือลือล้น ฝึกฝนใจตนให้ผ่องแผ้ว

รู้จักทำวิชชา อันมีสมถะ และวิปัสสนา
สมถะ สงบระงับใจ ไม่ให้ฟุ้งซ่าน
ระงับตัณหา ทะยานอยาก ที่เข้ามารุกราน
มีสติตั้งมั่น ณ จุดสำคัญ ศูนย์กลางกาย

วิปัสสนา เกิดปัญญา เห็นวิเศษ
เห็นกิเลส ตัวเหตุ ก่อปัญหา
 ต้องบรรลุธรรมสำคัญ ธรรมกายา
ได้ดวงตาเลิศล้ำ ธรรมจักขุ

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สวดธัมมจักฯ (รับโชคชัย):: ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เทศนากัณฑ์แรกสุด ของพระพุทธองค์ แก่ปัญจวัคคีย์ โดยตรง นับว่าเป็นวันเกิดพระสงฆ์ องค์แรก

สวดธัมมจักฯ
(รับโชคชัย)
ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
เทศนากัณฑ์แรกสุด ของพระพุทธองค์
แก่ปัญจวัคคีย์ โดยตรง
นับว่าเป็นวันเกิดพระสงฆ์ องค์แรก
ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
อันอยู่ใกล้เมืองพาราณสีฯ
เป็นที่อยู่ของปัญจวัคคีย์
หลังจากที่หนี ไม่ใยดี พระพุทธองค์
เมื่อพระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้
ตรวจมองดู หาผู้ ที่จะถ่ายทอดให้
เห็นปัญจวัคคีย์ ผู้มีคุณต่อไท้
และมีบารมีใหญ่ สมควรก่อนใคร ได้บรรลุธรรม
ในธรรมจักฯ เน้นหนักทางสายกลาง
ให้ปล่อยวาง ทางสุดโต่งสองสาย
คือสายกามคุณ หมกมุ่น หย่อนยานหลาย
กับสายทรมานกาย ตึงหลาย เจ็บปวด
ทางสายกลาง ทางบัณฑิต
เจริญจิต ได้ จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
สุขยิ่งนัก สุขภายใน สุขจากใจ ปล่อยวาง
สุขภายนอก สุขทางเนื้อหนัง สุขอย่างติดยา
 
จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
เราคุ้นจัง สวดเสียงดัง ในธัมมจักฯ
เป็นขั้นตอนบรรลุธรรม ตามเห็น ในอริยมรรค
สวดธัมมจักฯ จึงได้บุญนัก สวดให้ได้
นี้คือแก่นแท้ของพุทธ สุดวิเศษ
เป็นอุเทศ คำสอน ตอนสำคัญ
พุทธแท้ ต้องอย่างนี้ เท่านั้น
 ปฏิบัติเป็นสำคัญ ไม่ใช่ท่านเอาแต่พูด
ฝึกใจให้หยุด จึงจะผุด ทางสายกลาง
เกิดจักขุสว่าง กระจ่างออก
หยุดนิ่งต่อไป เห็นได้ ดังที่บอก
 จะสำรอก ความสงสัย ใจเคลือบแคลง
บทสวดธัมมจักฯ
แจ่มแจ้งยิ่งนัก ทางมรรคผล
 ควรสวดให้ได้ ติดเอาไว้ ในตน
จะเป็นคน มีโชคชัย ไปทุกชาติ
สรรพเคราะห์อันตราย ไกลห่าง
มีสุขสมหวัง ตลอดทาง ตลอดไป
เกิดชาติหน้าฟ้าใหม่
 บรรลุธรรมาภิสมัย สมปราถนา

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เข้าใจไหม? (คำไทยคำนี้แปลกแท้):: คำว่า เข้าใจ ถ้าใคร่ครวญให้ดี ช่างแปลกเหลือที่ ชวนให้คิด เป็นอาการ เข้าไป แล้วใจหยุดสนิท นิ่งแน่นติด หยุดความคิด จิตสว่าง

เข้าใจไหม?
(คำไทยคำนี้แปลกแท้)
คำว่า เข้าใจ ถ้าใคร่ครวญให้ดี
ช่างแปลกเหลือที่ ชวนให้คิด
เป็นอาการ เข้าไป แล้วใจหยุดสนิท
นิ่งแน่นติด หยุดความคิด จิตสว่าง
เกิดปัญญารู้แจ้ง กระจ่าง 
ปัญหาไม่คั่งค้าง อีกต่อไป
มีความสุข หมดทุกข์ มีกำลังใจ
แผ่ไปได้ ทั่วสิบทิศ
เหมือนกับการบรรลุธรรม
ที่สวดซ้ำๆ ในธัมมจักรฯ
จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ยิ่งนัก
แจ้งประจักได้ ต้องเดินในเท่านั้น
 เกิดจักษุ คือ เกิดมีดวงตา
เกิดมีปรีชา ญาณ หยั่งรู้
ทุกสิ่งอย่าง เพียงหยั่งดู
เกิด ปัญญา รู้ เห็นทั่ว
เกิดวิชชา คือว่า รู้ยิ่ง
รู้ในทุกสิ่ง ที่อยากรู้
เหนือจักษุทั้งหลาย กว่าใครทุกผู้
ทั้งรู้ทั้งเห็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน

เกิดอาโลโก แสงสว่างกระจ่างตา
นี่หละ ที่เรียกว่าบรรลุธรรม
จิตนิ่งละเอียดยิ่งขึ้น ดื่มด่ำ
ดำดิ่ง สู่ภายใน
เดินทาง ตามทางเดินสายกลาง
มีแต่สว่าง และสุข
กลางของกลางๆ ลืมทุกข์
สุขในสุข กายในกาย จิตในจิต ธรรมในธรรม


เข้าใจได้ ใจหยุด หลุดถึงพระ
เราเรียกว่า บรรลุธรรม คำสำคัญ
ความสงสัย ใจลังเล เข้าปิดกั้น
 ขจัดมัน ด้วยทำใจ ให้นุ่มๆนิ่งๆ
 หลวงปู่ฯหลวงพ่อฯ ของพวกเรา
สอนสั่งทุกค่ำเช้า ให้พวกเรา นั่งสมาธิ
กรณียกิจสำคัญ ให้ยึดมั่น ยิ่งชีวี
ทุ่มเต็มที่ เข้าถึงพระฯ ก่อนละสังขาร

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เห็นงูๆปลาๆ (เดาสุ่มออกมาอาจผิด) :: ปัญญา นรานัง ระตะนัง ปัญญาเป็นดัง แก้ว สารพัดนึก

เห็นงูๆปลาๆ
(เดาสุ่มออกมาอาจผิด)

ปัญญา
นรานัง ระตะนัง
ปัญญาเป็นดัง
แก้ว สารพัดนึก

สิ่งปราถนา
ได้มา เมื่อตรองตึก
เพียงคิดนึก ก็ได้มา
สมอุรา เร็วไว

ปัญญา
ท่านว่า มีสามประเภท
หนี่ง เกิดจากเหตุ
อ่านมาก ฟังมาก

เรียกสุตมยปัญญา
คนชอบหานัก
จึงขมักเขม้น เรียนรู้
อยู่ตาม โรงเรียน

สอง จินตามยปัญญา
รู้มา ด้วยการคิด
รู้จักเพ่งพินิจ
ด้วยจิต อย่างลึกซึ้ง

ทดลองแล้วๆเล่าๆ
หาเหตุผลเอา จนเข้าถึง
รู้ลึกซึ้ง รู้จริง
ยิ่งกว่า เรียนรู้
 
สาม ภาวนามยปัญญา
รู้เหตุที่มา ด้วยการเห็น
ไม่ใช่เป็น งูงูปลาปลา
เดาสุ่มออกมา อาจผิด

แต่เห็นกระจ่าง
ดังลืมตาเห็น
  ด้วยปัญญา ทำให้เป็น
เห็นแจ้ง ด้วยแสงแห่งปัญญา
 
ปัญญาตรัสรู้
ของพระผู้ มีพระภาค
รู้จาก การเห็นอย่างยิ่ง
จึงเป็นความจริง ดังเห็น

เป็นวิชชา
เกิดอภิญญา นี้ช่างเป็น
เป็นดังเช่น เทวดา
สมปราถนา ทุกประการ

;;;;;;;;;