วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

ทรัพย์วิบัติ (ถ้าขาดแสวงบุญ) ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่ มี..แล้วไม่ให้ จะเป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

 ทรัพย์วิบัติ
(ถ้าขาดแสวงบุญ)

ทรัพย์จะน้อยจะมาก ถ้าหากตระหนี่
มี..แล้วไม่ให้ เป็นวิบัติ ไม่ใช่สมบัติ
เอาไปกินไปใช้ จะทำลายชีวาต
เหมือนอาหารเสีย ไม่อาจ บริโภค

มีทรัพย์ไห้ประหยัด ไม่อาจตระหนี่
ใช้เลี้ยงชีวี และหนีตัณหา อุปาทาน
หนี กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏจักรมาร
หนีคุกประหาร สังสารวัฏฏ์

กินเพื่ออยู่ สู้ภัยตัณหา
นั่นแหละหนา จึงหันหน้าเข้าวัด
ทำพระนิพพานให้แจ้ง สุดชีวาต
และไม่ประมาท แสวงบุญสร้างบารมี

การหาทรัพย์ นับว่ายาก
การให้ทรัพย์ กลับ ยากยิ่งกว่า
ดังนั้น คนน้อยนัก ที่รู้จักเข้าวัดวา
ด้วยกิเลสหนา ตัณหาบาน

ปัญหาใหญ่ คือคนทั้งหลาย ไม่รู้จักบุญ
และไม่คุ้น จึงไม่เชื่อว่า ตัณหามี
เหมือนสัตว์หลงเหยื่อล่อ ไม่อาจหนี
ตายเกิดๆอย่างนี้ สุดที่จะนับได้

คนทั้งหลายเชื่อมั่นใน หนึ่งสมอง สองมือของตน
ทุกอย่างเป็นผล ที่ตนทำในปัจจุบัน
ทำแล้วจึงได้ ไม่ทำก็ไม่ได้ อย่างนั้น
จึงประมาทกัน หลงเหยื่อของมาร ไม่รู้ตัว

คนทั้งหลาย ตกอยู่ใน โมหะจริต
คือเป็นคนชนิด ที่ไม่รู้ ว่าตนไม่รู้
ทั้งสวยทั้งรวย กว่าทุกผู้
จึงเป็นผู้..ประมาท ไม่อาจสั่งสอนได้

เหมือนอีหอย หน้าวัดเชตวัน
แม้พระอรหันต์..เหาะให้ดู กูก็ไม่เชื่อ
หัวดื้อหัวแข็ง ยิ่งกว่าเบื้อ
จึงเป็นเช่นกวางเนื้อ ของหมู่มาร

หมู่มาร เห็นสรรพสัตว์ปาน เหยื่อ
เป็นกวางเนื้อ ให้ไล่ล่า พาไปอบาย
ใช้กิเลสเป็นเหยื่อล่อ น้ำลายสอ กันใหญ่
หยุดอยาก จึงเป็นหัวใจ ไขชีวิต

;;;;;;;;;;

สหายแท้ (มีแต่บุญ) ผู้เป็นสหาย จะใส่ใจ ในเรา ปัดเป่า..ความทุกข์ นำความสุขมาให้

 สหายแท้
(มีแต่บุญ)


ผู้เป็นสหาย จะใส่ใจ ในเรา
ปัดเป่า..ความทุกข์ นำความสุขมาให้
ไฟในไม่นำออก ไฟนอกไม่นำเข้าไป
มอบรักแท้ให้ ไม่พาไปทางต่ำ

เมื่อพบสหาย ควรใส่ใจคบหา
ไม่ควรเลยละ ปล่อยปละละเลย
คบเพื่อนดี เป็นศรีแก่ตน สะเบย
ไม่ควรเฉย 
ละเลยทิ้งไป

ถ้าคบมิตรชั่ว จะกลัวการทำความดี
เหมือนคนไข้ หลีกหนี..น้ำเย็น
จะพาลงต่ำ ดำดิ่งกรรมเวร
เป็นดังเช่น แมงเม่า หรือแมลงวัน

ความเป็นสหาย ไม่มีในคนพาล
ความจริงใจต่อกัน อย่าฝันว่าจะมีให้
เมื่อยังมีประโยชน์ ก็ยังคบกันได้
ประโยชน์หมดเมื่อใด เปลี่ยนไปทันที

ภรรยา เป็นดั่งว่าเพื่อนสนิท
เป็นสหาย ใกล้ชิด อย่างยิ่ง
จึงควรเอาใจใส่ ให้รักแท้ และใจจริง
สุขยิ่ง..เมื่อมอบรักแท้ ให้แก่กัน

สหายในเรือน อย่าแชเชือน ไม่ดูแล
เป็นเพื่อนแท้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข
พาแสวงบุญสร้างบารมี ปลดทุกข์
ไม่ใช่พาสนุก ทุกข์ถนัดในอบาย

บุญเป็นสหายอย่างยิ่ง ต้องแสวงหา
สหายที่ชั่วช้า คือบาป
แสวงบุญ จึงเป็นกิจกรณีย์ ควรทราบ
อย่าปล่อยใจให้บาป ไปกับความเพลิน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565

ตัณหา (ยิ่งกว่ายาเสพติด) ความจน ทำคนเป็นทุกข์ในโลก คงตลก ถ้าใครยกความจนว่าดี ความสะดวกสะบาย ใครๆก็ต้องการมี ทานบารมี จึงเป็นบารมีที่..หนึ่ง

 ตัณหา
(ยิ่งกว่ายาเสพติด)


ความจน ทำคนเป็นทุกข์ในโลก
คงตลก ถ้าใครยกความจนว่าดี
ความสะดวกสะบาย ใครๆก็ต้องการมี
ทานบารมี จึงเป็นบารมีที่..หนึ่ง

การกู้หนี้ นี้ก็เป็นทุกข์ในโลก
เหมือนมีภูเขา อยู่บนอก ยกออกไม่ได้
กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่ใคร่หลับ กระสับกระส่าย
นอนฝันร้าย ด้วยใจ ไม่สงบ

เหย้าเรือน ที่ปกครองไม่ดี ย่อมมีทุกข์
ความพันผูก เหินห่าง หมางเมิน
 เหตุใหญ่ ไม่ดูแลบิดามารดา ห่างเหิน
และหลงเพลินทางโลก ชุ่มโชกโลกีย์

สังขาร นั้นเป็นทุกข์ อย่างยิ่ง
ทุกข์จริงๆ ด้วยมันไม่นิ่งไม่หยุด
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทำทุกอย่าง ดังสมมุติ
แต่คนหลงเชื่ออุตลุด ว่าเป็นจริง

คนจึงติดตัณหา อุปาทาน
ก็ช่างมัน แม้มัน จะเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
แม้ตาย แล้วตกนรก หมกไหม้
ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงได้ สมใจ สมอยาก

ใจหยุด เป็นที่สุด ของความสุข
เป็นสุขสันโดษ อิ่มเอมปราโมทย์ ดุจเทวดา
ความสุขนี้ ยังแผ่ไปได้ ทั่วหล้า
ทำอากาศดินฟ้า ให้สดใส ปานในสวรรค์

สุขในตัณหา เพียงว่า ปานหิงห้อย
สุขทางธรรมเลิศลอย ปานพระอาทิตย์
สุขจากตัณหาอุปาทาน มันติด
แม้รู้ว่ามันมีพิษ แต่ก็อิดเอื้อน ประมาท

;;;;;;;;;; 

บุญเพื่อนแท้ (อนันตกาล) บุญนั้นหรือ คือเพื่อนแท้ อนันตกาล ส่วนบาปนั้น เป็นมาร ล้างผลาญชีวิต ส่วนเราคือใจ หรือจิต มีสติ ถึงจะรู้จักคิด พิจารณา

 บุญเพื่อนแท้
(อนันตกาล)


บุญนั้นหรือ  คือเพื่อนแท้ อนันตกาล
ส่วนบาปนั้น เป็นมาร ล้างผลาญชีวิต
ส่วนเราคือใจ หรือจิต
มีสติ ถึงจะรู้จักคิด พิจารณา

บุญมี จึงได้สติ ตื่น
ชื่นมื่น เหมือนตื่นจากหลับลึก และฝัน
เหมือนจริง เหมือนจังทุกสิ่งอัน
คนทั้งหลาย ก็เหมือนกัน ยังฝันอยู่

อยู่ในกระแสกรรมวิบาก ยังกะฝัน
ทุกสิ่งอัน เป็นภาพลวงตา
เป็นจอหนัง หรือโรงละคร เท่านั้นหละ
ดังนั้น ยากนักหนา จะได้สติตื่น

บุญเป็นอัตตา เป็นตน ไม่ใช่ศัตรู
ส่วนบาป คือศัตรู เป็นอนัตตา
เข้ามาทำลายล้าง ยึดครอง เข่นฆ่า
หลงโลกียะ เหมือนว่า ปลาหลงเหยื่อ 

คนทั้งหลาย คลั่งใคล้โลกีย์
เหมือนปลาที่ คุ้นกับน้ำ
ยากนักหนา เข้าวัดปฏิบัติธรรม
อวิชชามนต์ดำ ช่างล้ำลึก

บุญเป็นอัตตา คือว่า เป็นอิสระเสรี
มีสภาวะที่ พ้นภัย ในวัฏฏสงสาร
พ้นจากวิบากกรรม วิบากมาร
ให้สุขสมปราถนา ทุกประการ แน่แท้

บุญมีอานุภาพ ขจัดบาป
บุญเหมือนกับ..น้ำ บาปเหมือนกับเกลือ
อุปสรรคและปัญหา ไม่มีเหลือ
แม้เกลือยังมี ก็ไม่มีฤทธิ์

สมบัติทั้งหลาย ที่เรามีเราได้ อาศัยบุญ
หนึ่งสมองสองมือของคุณ ไม่ใช่
จากบุญอดีต ที่ทำไว้
เหมือนต้นผลไม้ ที่ให้ผล อย่างนั้น

สมบัติอยู่ในมือผู้ใด ที่ไร้ศรัทธา
กลับกลายมา เป็นวิบัติ ทำลายชีวิต
มีกิเลสตัณหา อุปาทาน เป็นมิตร
ร่วมคิดร่วมสร้าง ทางอบาย

;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565

ฆ่าความโกรธได้ (บารมีใหญ่จึงมา) ฆ่าความโกรธเสียได้ ย่อมไม่เศร้าโศก ความโกรธ เป็นโรค ของใจ ความดีมากมาย ที่อุตส่าห์สร้างไว้ ใช้อะไรไม่ได้ เหมือนไม่มี

 ฆ่าความโกรธได้
(บารมีใหญ่จึงมา)

ฆ่าความโกรธเสียได้ ย่อมไม่เศร้าโศก
ความโกรธ เป็นโรค ของใจ
ความดีมากมาย ที่อุตส่าห์สร้างไว้
ใช้อะไรไม่ได้ เหมือนไม่มี 

เมื่อได้สติ ไม่อาจหนี ความเศร้าโศก
ใจเหี่ยวแห้ง ใจตก เหมือนดินแล้งน้ำ
ใจโหย หดหู่ สุดระกำ
ความมืดดำสุมทรวง ซึมเศร้า

 ความโกรธ เป็นดังสนิมศัสตราวุธ
ความดีทั้งหมด เป็นอาวุธ คุ้มชีวิต
ป้องกันความชั่วร้าย จากภัยบาป อำมหิต
คนโง่สนิท ปล่อยจิต ให้โกรธ

ฆ่าความโกรธเสียได้ ใจย่อมเป็นสุข
ดังนั้น ทางที่ถูก เราต้องผูกจิต ไว้กับศีล
สำรวมกายวาจา เป็นอาจิน
ศีล มาจากคำว่า ศีตละ แปลว่าเย็น

ไม่ว่าร้าย ไม่ทำร้าย ไม่ใช่ว่าไม่สู้
แต่ว่าอยู่อย่างผู้..มีชัย ที่ใหญ่ยิ่ง
คือเอาชนะตน นี่หละคนจริง
ได้บารมีอันยิ่ง ปรมัตถบารมี

พระชนะมาร ด้วยขันติ
รักษาศีล ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป
หมู่มารคั่งแค้น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ความโกรธ เป็นอันตราย จะแพ้ภัยตน

ความโกรธ เป็นไฟ เผาไหม้ตน
หน้าตาหมองหม่น ดำคล้ำ นัยตาขวาง
ใครๆไม่อยากเข้าใกล้ ไม่ไว้ใจ จึงอยู่ห่างๆ
คนขี้โกรธ ใครๆก็ชัง ช่างน่าสมเพช

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565

ไม่รู้คุณศาสนา (มหาภัย) การมีกินมีใช้ ในปัจจุบัน สุขสบายอยู่นั้น มันเป็นผลบุญในอดีต ผู้ประมาท ยังมีบุญ หนุนชีวิต หมดบุญก็หมดสิทธิ์ ล้มทั้งยืน

 ไม่รู้คุณศาสนา
(มหาภัย)

การมีกินมีใช้ ในปัจจุบัน
สุขสบายอยู่นั้น มันเป็นผลบุญในอดีต
ผู้ประมาท ยังมีบุญ หนุนชีวิต
หมดบุญก็หมดสิทธิ์ ล้มทั้งยืน

บุญนั้นหมดได้ ใช้ไปๆก็หมด
เมื่อน้ำลด ตอผุด ปัญหาจะมา
ชีวิตเหมือนพายเรือข้าม นั่นหละ
การแสวงบุญญา จะต้องสม่ำเสมอ

กิเลสตัณหา ใช้อวิชชา มาปิดบัง
สรรพสัตว์ หลงคลั่ง กามคุณ
รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กระตุ้น
จึงหัวหมุน เร่งลุ้นหาเงิน

ปัญหาใหญ่ ไม่รู้ว่าตนไม่รู้
กลายเป็นผู้..หัวแข็ง ด้วยแรงมานะทิฏฐิ
ทั้งกระด้าง ทั้งอวดดื้อ ถือดี
และคนเหล่านี้ ตัวดี คือหมู่ญาติมิตร

พุทธศาสนา เปรียบว่าเป็น เช่นตะวัน
ฉายแสงเฉิดฉัน ไม่แบ่งชั้นวรรณะ
ให้ความอบอุ่น แด่สรรพสัตว์ ทั่วหล้า
ให้มีชีวิตชีวา ท้่วหน้ากัน

ใครไม่รู้คุณศาสนา ก็จะเอาแต่หากิน
สติสิ้น ปัญญาดับ เหมือนกับแมงเม่า
หลงแสงสี หลงโลกีย์ มัวเมา
ลืมชีวีของเจ้า ลืมตัวเก่า ลืมแสวงบุญ

ตายแล้วไปอบาย จะไม่ได้เห็นตะวัน
เป็นโทษทัณฑ์ ทุกข์อนันต์ นับกาลไม่ได้
เมื่อได้โอกาศ เกิดเป็นมนุษย์ใหม่
ทุกข์หลาย จะเกิดในถิ่นร้าย ที่ไม่เจริญ

;;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

อุดมการณ์ชีวิต (กัลยาณมิตรอยู่ในวัด) ทำพระนิพพานให้แจ้ง เร็วไว วัฏฏสงสาร นานหลาย อันตรายนัก สังสารวัฏ คุกประหาร อำมหิต จงรู้จัก ตายก็ตายไม่ได้ ทุกข์หนัก เกินคิด

อุดมการณ์ชีวิต
(กัลยาณมิตรอยู่ในวัด) 

ทำพระนิพพานให้แจ้ง เร็วไว
วัฏฏสงสาร อจินไตย อันตรายนัก
 สังสารวัฏ คุกประหาร จงรู้จัก
ตายก็ตายไม่ได้ ทุกข์หนัก เกินคิด

 แสวงบุญเป็นเสบียง เลี้ยงชีวิต
หลังตาย เดินทางไกลสุดขีด ย้ายถิ่นที่อยู่
หรือหนีภัยสงคราม ระหกระเหิน ทุกผู้
พระผู้รู้ ท่านเวทนาสรรพสัตว์

สร้างบารมี เพื่อตัดแต่งชีวี ของตน
อยากเป็นคน..อย่างไร ให้ทำเอา
บุญวาสนา ไม่ใช่มาจากพระเจ้า
อย่าโง่เขลา ปัญญา
เบา พระเจ้าไม่มี


ทำพระนิพพาน ให้แจ้ง
แสวงบุญ และสร้างบารมี
นี้ จึงเป็นอุดมคติ
เป็นกิจกรณีย์ ของชีวีมนุษย์

การทำพระนิพพานให้แจ้ง 
แสดง ด้วยการเจริญสติ
ทำใจหยุดใจนิ่ง อยู่ภายในตน นั่งสมาธิ
ที่สุด ใจจะหยุดที่ ศูนย์กลางกาย

กฎแห่งกรรม ทำอะไรไม่ได้
ชีวิตจึงสว่างไสว ไม่ทุกข์ร้อน
มีสุขสมปราถนา สมอุราแน่นอน
ความทุกข์ความเดือดร้อน ห่างหาย ไปทุกชาติ

บุญแสวง ต้องมายังต้นแหล่ง แห่งบุญ
เข้าวัดให้คุ้น แหล่งบุญ คือสังฆทาน
ได้พบกัลยาณมิตร มีจิตชื่นบาน
ศรัทธามั่น ตั้งปณิธาน แสวงบุญ

การสร้างบารมี ต้องมีหมู่มีคณะ
เดินตามพระ ผู้รู้ ผู้เข้าถึง
หมู่มาร ชอบระรานคนทำดี ตะลึง
การสร้างบารมีจึง..ไม่ง่าย ไม่ธรรมดา

;;;;;;;;;;