วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2567

นิสัยยากจะปลง (กัลยาณมิตรจึงสูงส่งยิ่งนัก) ความกำหนัด อุบัติจากดำริ ด้วยจิตนั้นมีตัณหา ปะปน จึงมีกาม ความใคร่ในตน ดิ้นรนหา โลกียทรัพย์

นิสัยยากจะปลง
(กัลยาณมิตรจึงสูงส่งยิ่งนัก)

 
ความกำหนัด อุบัติจากดำริ
ด้วยจิตนั้นมีตัณหา ปะปน
จึงมีกาม ความใคร่ในตน
ดิ้นรนหา โลกียทรัพย์
กามที่เที่ยง ไม่มีในมนุษย์
ตัณหา เป็นประดุจสนิม 
กัดกิน ไม่มีอิ่ม
ได้ลิ้มแต่รส เหยื่อล่อ
 ความอิ่มด้วยกาม ไม่มี
เหมือนอย่างที่ ไฟไหม้เชื้อ
ปุถุชน บริโภคกามล้นเหลือ
ไม่มีเบื่อ ยิ่งอยาก มากกว่าเดิม
ความอิ่มในกามทั้งหลาย ไม่มี
ตราบที่ ยังไม่บำเพ็ญทาน
สละทรัพย์ ขจัดตระหนี่ มุ่งมั่น
สันโดษคุณธรรมนั้น จึงเกิด
ทุกข์ ยิ่งกว่ากาม ย่อมไม่มี
ความตระหนี่ ต้นเหตุปัญหา
ทำใจให้มืดมน ไร้ปัญญา
เวียนว่าย ไม่เลิกลา ในทุคติ
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี
สรรพสัตว์ ไม่มี จะหนีพ้น
จมปลักดักดาน ทุกตัวตน
เหมือนปลา ไม่สน ไม่ดิ้นรนขึ้นบก
ความอยาก ละได้ยากในโลก
ด้วยใจสกปรก มีโลภโกรธหลง
เป็นนิสัย ยากหลายจะปลง
กัลยาณมิตร จึงสูงส่ง ยิ่งนัก

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567

ประสพสุขทุกข์ได้บารมีนัก (ถ้ารู้จักมีสติ) ประโยชน์ ย่อมล่วงเลยไป ผู้ใด ทอดทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่าหนาวนัก อย่างนั้น มันร้อนนัก เย็นเสียแล้ว อย่างนี้

 ประสพสุขทุกข์ได้บารมีนัก
(ถ้ารู้จักมีสติ)

ประโยชน์ ย่อมล่วงเลยไป 
ผู้ใด ทอดทิ้งการงาน
ด้วยอ้างว่าหนาวนัก อย่างนั้น
มันร้อนนัก เย็นเสียแล้ว อย่างนี้

เมื่อคนโง่ มีปัญญาทราม
ทำกรรมชั่วอยู่ ก็ไม่รู้สึกรู้สา
เดือดร้อนเพราะกรรม เป็นธรรมดา
วิบากจัดหา เหมือนไฟไหม้
บุคคลหว่านพืชเช่นใด
ย่อมได้ ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี เช่นกัน
 ผู้ทำกรรมชั่วนั้น ย่อมได้ผลชั่ว

ผู้ใด อันผู้อื่นได้ ให้ความดี
ทำคุณให้ ในก่อนกี้ กาลก่อน
แต่ไม่รู้สึกถึงคุณ ย่อมทุกข์ร้อน
มีกรรมตัดรอน นำความฉิบหาย

ผู้ใด อันผู้อื่นได้ ให้ความดี
ทำคุณให้ ในกาลก่อน
สำนึกได้ ย่อมไม่เดือดร้อน
ความสุขจะจรมา พาเจริญ

ผู้ใด ไม่รู้จักทำอะไรก่อนหลัง
ความสุข ความสมหวัง ยังไกล
ขาดปัญญา กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้
การงานวอดวาย สูญเปล่า

 ถ้าประสพ สุขหรือทุกข์
จงปลุกสติ รู้ที่มา คือวิบาก
 ให้มีขันติ ได้มีบารมียิ่งนัก
ใครรู้จัก จะมี ชีวีพลิกผัน

 ;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567

สุขหรือทุกข์ (เราปลูกไว้เอง) ถ้าประสพ สุขทุกข์ คิดให้ถูก เราปลูกไว้เอง วิบากกรรม อาจดี หรือเสงเครง คนเก่ง รักษาสติ ได้บารมีเพิ่ม

 สุขหรือทุกข์
(เราปลูกไว้เอง)

 ถ้าประสพ สุขทุกข์
คิดให้ถูก เราปลูกไว้เอง
 วิบากกรรม อาจดี หรือเสงเครง
 คนเก่ง รักษาสติ ได้บารมีเพิ่ม

สรรพสัตว์ เกลียดทุกข์
ผู้ใดแสวงหาสุข เพื่อตน
เบียดเบียนเขาด้วยอำนาจ หนีไม่พ้น
ย่อมทุกข์ทน สุดแสนในอบาย
สรรพสัตว์ รักสุข
ผู้ใดแสวงหาสุข เพื่อตนและคนอื่น
มีรักเมตตา หยิบยื่น
ย่อมชื่นมื่น เป็นสุขในปรภพ
ผู้หมั่น ในการงาน
 ไม่ประมาท รู้กาล รอบรู้
จัดการงานเรียบร้อย น่าดู
จึงควรอยู่ ในราชการ งานเมือง
ถ้าคน พึงทำบาป
 ก็ไม่ควร ทำบาป นั้นบ่อย ๆ
ไม่ควรพอใจ ในบาปแม้น้อย
การสั่งสมบาปบ่อยๆ นำทุกข์มาให้
ผู้อื่น ทำความดีให้
จะน้อยหรือหลาย มาก่อน
ผู้ไม่สำนึกคุณ จะเดือดร้อน
 กรรมสะท้อน หัวเดียวกระเทียมลีบ
สัตว์ทั้งปวง หวาดต่ออาญา
ล้วนกลัวนักหนา ต่อความตาย
เราจึง ไม่อาจฆ่าใคร
การฆ่า มีกรรมหลาย บาปหนัก

 ;;;;;;;;;;

วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2567

กฎแห่งกรรม (นำชีวิต) สัตว์ จำแนก ไปตามกรรม ที่ทราม หรือประณีต คิดพูดทำ แล้วแต่จิต ทรามหรือปราณีต เป็นนิสัย

 กฎแห่งกรรม
(นำชีวิต)

สัตว์ จำแนก ไปตามกรรม
ที่ทราม หรือประณีต
คิดพูดทำ แล้วแต่จิต
ทรามหรือปราณีต เป็นนิสัย
กรรมวิบาก กำกับชีวิต
จิตปราณีต วิบากของบุญ
สุขสมปราถนา มีมาหนุน
อุปถัมภ์ ค้ำจุน เป็นสุข
การงานอะไร ๆ ที่ย่อหย่อน
ย่อมแน่นอน ไม่มีผลมาก
ผู้มีสัจจะ ทนได้ ความลำบาก
แม้ทุกข์ยาก ไม่ขาดแสวงบุญ
 กรรมชั่วที่ทำ ย่อมนำไปสู่ทุคติ
กรรมดี แน่ล้ำ นำสุขี
กฎแห่งกรรม กฎชีวี 
คนดี มีขันติ เดินทางธรรม
 ความดี อันคนดีทำง่าย
คนชั่วร้าย ยากหลาย จะทำดี
ด้วยกิเลสตัณหา ตระหนี่
จะได้สติ ตอนใกล้ตาย ก็สายแล้ว
ชีวิต มีกฎแห่งกรรม
ปุถุชนคนต่ำ ไม่สนใจ
กินนอนถ่ายสืบพันธุ์ กันไป
น่าเวทนาหลาย ล้วนใช่ญาติของเรา
 การสงเคราะห์ญาติ ขาดไม่ได้
สำคัญหลาย ได้บารมี
ทำงานไม่มีโทษ ได้ขันติ
เป็นอาวุธอย่างดี พาลีพ่าย

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2567

ปราชญ์ไม่ประมาท (สุดชีวาตฝึกสติ) ผู้ใดเป็นพาล รู้ตัวว่าเป็นพาล ผู้นั้น พอนับได้ว่าเป็นบัณฑิต แต่ผู้ที่ สำคัญตนผิด ว่าตนเป็นบัณฑิต คนพาลแท้

 ปราชญ์ไม่ประมาท
(สุดชีวาตฝึกสติ)

ผู้ใดเป็นพาล รู้ตัวว่าเป็นพาล
ผู้นั้น พอนับได้ว่าเป็นบัณฑิต
 แต่ผู้ที่ สำคัญตนผิด
ว่าตนเป็นบัณฑิต คนพาลแท้

อันว่าบัณฑิตนั้น ดีแน่
แต่ว่าบัณฑิต เลยเถิดไปก็ไม่ดี
คือไม่สงวนท่าที
บัณฑิตแท้ ที่ดี สงบสง่า
 บุรุษ จะเป็นบัณฑิต
 ในทุกทิศ ทุกที่ก็หาไม่
สตรี คิดการได้ฉับไว
ก็เป็นบัณฑิตได้ เช่นกัน
คนนั่งนิ่ง เขาก็นินทา
คนมากวาจา ก็ไม่พ้นแน่
แม้แต่คนพูดพอประมาณ ก็นั่นแหละ
คนไม่ถูกนินทา นั้นแน่ ไม่มีในโลก
เป็นบัณฑิต หรือไม่เป็นบัณฑิต
ดูที่ กรณียกิจ ฝึกตน
มีปัญญา กตัญญุตา เปี่ยมล้น
รู้คุณบุญกุศล จึงแสวงบุญ

ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย
ฝึกตน คนไม่ประมาท
ฝึกใจหยุดใจนิ่ง ในตน ไม่ขาด
บัณฑิต มีชีวาต เพื่อฝึกตน

ปราชญ์ บันเทิงในความไม่ประมาท
รักษาสุดชีวาต ฝึกสติ
เป็นทรัพย์ประเสริฐสุด ของชีวี
เกิดมานี้ ทำพระนิพพานให้แจ้ง

;;;;;;;;;

วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2567

ประพฤติธรรม (นำชีวิต) ในหมู่มนุษย์นั้น ถึงแม้ยังเด็ก แต่ไม่ใช่เล็ก ถ้ามีปัญญา แต่ถ้าโง่ ร่างกายโตใหญ่ เท่าม้าลา ก็หา..เป็นผู้ใหญ่ไม่

 ประพฤติธรรม
(นำชีวิต)

ในหมู่มนุษย์นั้น ถึงแม้ยังเด็ก
แต่ไม่ใช่เล็ก ถ้ามีปัญญา
 แต่ถ้าโง่ ร่างกายโตใหญ่ เท่าม้าลา
ก็หา..เป็นผู้ใหญ่ไม่ 

คนจะชื่อว่า เป็นผู้ใหญ่
ไม่ใช่ เพียงเพราะ ผมหงอก
เป็นวัยหง่อม เท่านั้นดอก
กายมันหลอก มันหลอน
ส่วนผู้ใด มีสัจจะ
มีธรรมะ อหิงสา สัญญมะ ทมะ
ผู้นั้นแลเป็นปราชญ์ พ้นบ่วงมารา
 เรียกว่า เป็นผู้ใหญ่
มิใช่ประพฤติตน เป็นชีเปลือย
ทำไปเรื่อย เกล้าผมทรงชฎา
 นอนในโคลนตม ก็นั่นหละ
มิใช่การละ การลด แม้อดอาหาร
มิใช่การนอน กับดินทราย
มิใช่ การเอาฝุ่นทาตัว
มิใช่ การตั้งท่านั่งน่าหัว
บริสุทธิ์ไม่ได้ เมื่อยังมืดมัว ยังสงสัย
ส่วนผู้ใด ถึงจะตกแต่งกาย
สวมใส่..อาภรณ์ครบ
แต่หากประพฤติชอบ สงบ 
ฝึกอบ..รมตนแน่วแน่
เป็นผู้ประพฤติธรรม อันประเสริฐ
การเบียดเบียนทั้งปวง เลิกละ
 เรียกว่าเป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ
หรือเป็นพระภิกษุ ก็ได้ทั้งสิ้น

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567

สัตบุรุษ (มนุษย์เหนือมนุษย์) ผู้ใด ใช้ทรัพย์จำนวนมาก ประกอบพิธีบูชาไม่ขาด ทุกวัน สม่ำเสมอตลอดร้อยปี สุดขยัน การบูชานั้น จะมีค่าอะไร

 สัตบุรุษ
(มนุษย์เหนือมนุษย์)

ผู้ใด ใช้ทรัพย์จำนวนมาก
ประกอบพิธีบูชาไม่ขาด ทุกวัน
สม่ำเสมอตลอดร้อยปี สุดขยัน
การบูชานั้น จะมีค่าอะไร

การยกย่อง บูชา
บุคคลที่ฝึกตนมา แล้วหนึ่งคน
แม้เพียงครู่เดียว ก็เหลือล้น 
ประเสริฐกว่าบูชาคน ไม่ฝึกฝนใจ
 คนเลวไม่ใช่ ชาติกำเนิด 
 คนประเสริฐ ด้วยการเกิด ก็หาไม่
 ความประพฤติไม่ดี ก็จัญไร
คนประเสริฐได้ ด้วยประพฤติ
สัตบุรุษ คนประเสริฐ
เกิดมา เพื่อชุมชน
มนุสสเทโว คนเหนือคน
 ชุมชุน..นั้นได้ชื่อว่าสภา
สัตบุรุษ ไม่ปราศัยเพราะอยาก
คนฟังชื่นใจนัก รักสงบ
สังคมอยู่เย็น ด้วยรักเคารพ
ไม่ใช่อยู่ด้วยประจบ ประแจง
ผู้พูดไม่เป็นธรรม ไม่ใช่สัตบุรุษ
คนดีสุด สัตบุรุษนั่นเอง
เป็นที่น่ารักน่าเคารพ น่ายำเกรง
เป็นคนเก่ง นำพามหาชนได้
สัตบุรุษ มีปัญญา
ศรัทธา ในบุญเต็มที่
 แสวงบุญสร้างบารมี สุดชีวี
 และ ทำพระนิพพานให้แจ้ง

;;;;;;;;;;