วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ทานเป็นชีวิต (ของผู้เจริญ) สิ่งที่เห็นที่จับต้องได้นั้น พระท่านว่า เป็นสิ่งลวงตา อย่าไปหลงติด มีก็สักแต่มี เอาไว้เลี้ยงชีวี และญาติมิตร จงตั้งจิต..สันโดษ เพียงพอใจ แต่ในสิ่งที่มี

 ทานเป็นชีวิต
(ของผู้เจริญ)



สิ่งที่เห็นที่จับต้องได้นั้น พระท่านว่า
เป็นสิ่งลวงตา อย่าไปหลงติด
มีก็สักแต่มี เอาไว้เลี้ยงชีวี และญาติมิตร
จงตั้งจิต..สันโดษ เพียงพอใจ แต่ในสิ่งที่มี

ถ้ายึดติด ใจมืดมิด จะอุบัติ
มีอุปาทาน อันเป็นธรรมชาติ ของปัญหา
ทุกข์น้อยใหญ่ จะดาหน้าเข้ามา
เป็นคนต่ำช้า คนดีไม่กล้า..เข้าใกล้

เมื่อเราตาย สิ่งเหล่านี้ไม่ไปกับเรา
แสดงว่าเขา ไม่มีตัว ไม่มีตน
เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เหมือนเมฆฝน
ต้องอดทน อดกลั้น มันเป็นธรรมชาติ

ดังนั้น โลกนี้ คือโรงละครดีดี นี่เอง
เมื่อละครจบ ก็กระเตง ตัวใครตัวมัน
ต่างคนต่างไป เหมือนไม่รู้จักกัน
เมื่อเราตาย หรือฝัน เหมือนกันเลย

ทุกสิ่งในโลกนี้ เป็นโลกีย์ วัตถุ
ท่านผู้รู้ ให้เราตระหนักใจ ไว้ให้ดี
ระวังกิเลสตัณหา ตัวกาลี
ตัวอัปปรี ทำให้ลุ่มหลง ปลงไม่ได้

เป็นปลาหลงเหยื่อ ไม่เบื่อ แม้รู้ว่าร้าย
แม้ตาย..ก็ยอม ในอ้อมอกเหยื่อ
ความตายไม่กลัว ช่างมัวเมาเป็นเบื้อ
ตายเกิดซ้ำๆ ไม่เบื่อ เป็นเหยื่อตัณหา

จะหนีตัณหา ต้องมีศรัทธา เท่านั้น
กัลยาณมิตร จึงสำคัญ พลิกผันชีวิต
ชีวิตสูญเปล่า น่าเศร้าแท้ ตัณหาลิขิต
การทำทาน จึงเป็นชีวิต ของผู้เจริญ

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น