วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564

ผู้ชนะตน (คือคนชนะโลก) คนยอมคน คือผู้ชนะตน เดินถนนแห่งชัยชนะ มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่จ้องจับผิด มีจิตเมตตา ต่อคนทุกคน มีความอดทน อดกลั้น รักษามั่น มารยาทดีงาม

ผู้ชนะตน
(คือคนชนะโลก)
 

คนยอมคน คือผู้ชนะตน เดินถนนแห่งชัยชนะ
มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อม ถ่อมตน
ไม่จ้องจับผิด มีจิตเมตตา ต่อคนทุกคน
มีความอดทน อดกลั้น รักษามั่น มารยาทดีงาม

ชนะตน คือชนะใจตน เอ่อล้นด้วยปีติ
มีบุญหล่อเลี้ยงชีวี เป็นสาย ไม่ขาดตอน
มีสติรักษาตน คิดดี พูดดี ทำดี ตามพระสอน
กรรมดีสะท้อน ให้สุขสำเร็จ และชัยชนะ

ชนะตน คือคนชนะกิเลส
นิสัยทุเรศ เกิดจากมีกิเลส ในใจ
 คอยชักนำ ให้ไปหา ทางอันตราย
มีความประมาทหลาย ไม่แสวงบุญสร้างบารมี

ใจคนที่มีกิเลส วิ่งวุ่นวาย อยู่ภายนอก
เหมือนคนนอกคอก พ่อแม่บอกเท่าใด ไม่ยอมเชื่อ
ไม่เอาโล้ ไม่เอาพาย ใครๆก็เบื่อ
ไปหลงเชื่อ เพื่อนพาล สันดาลดิบ

คนสติดี มีปัญญา รักษาใจ ไว้ในตน
 อยู่คนเดียว ก็สุขล้น เป็นคนรักสันโดษ
มีปัญญา มีเมตตากรุณา ต่อคนทั้งหมด
ชีวิตรุ่งโรจน์ ขวัญใจชาวประชา
 

คนชนะตน มีปัญญา รู้ว่าเกิดมาทำไม
มีความจริงใจ..ต่อตน จึงกระตือลือล้น ทำความดี
รู้ว่าเราเกิดมา แสวงบุญ สร้างบารมี
ตามติดมหาปูชนี..ยาจารย์ สู่สุดธรรม

คนชนะตน คือคนชนะโลก
 ไม่ติดโลก ชนะกิเลส เหตุแห่งทุกข์
อยู่เหนือกฎแห่งกรรม พ้นเวียนว่าย คล้ายออกจากคุก
พ้นความสนุก..คลุกกิเลส เข้าสู่เขตกระแสบุญ

ชนะกิเลสได้ ใจใส สว่างจ้า
หมดกิเลส เป็นพระอริยะ อรหันตเจ้า
เป็นเนื้อนาบุญ สุดวิเศษ ไม่มีใดเท่า
นำพาเหล่า..สรรพสัตว์ พ้นหัตถ์มาร

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564

พญามารกลัวนัก (อุปสรรคปัญหา มลายสิ้น) เหตุการณ์ต่างๆที่เราเห็น ที่เป็นไป ในโลกา ล้วนมายา เป็นภาพ คล้ายกับจอหนัง หนัง 5 มิติ ที่คล้าย จริงจัง ไม่เคยหยุดยั้ง เครื่องฉาย คือใจเราเอง

พญามารกลัวนัก
(อุปสรรคปัญหา มลายสิ้น)
เหตุการณ์ต่างๆที่เราเห็น ที่เป็นไป ในโลกา
ล้วนมายา เป็นภาพ คล้ายกับจอหนัง
 
  หนัง 5 มิติ ที่คล้าย จริงจัง
ไม่เคยหยุดยั้ง เครื่องฉาย คือใจเราเอง
ปรากฏการณ์ทั้งหลาย ที่เป็นไป ไม่บังเอิญ
ได้ดำเนิน ไปตามครรลอง ของกฏแห่งกรรม 
กิเลสกรรมวิบาก วนเวียนซ้ำซาก ทุกข์กระหน่ำ
ยิ่งนานยิ่งช้ำ ก่อกรรม ทับทวี
คนประมาทขาดสติ จึงคือคนที่ ตายแล้ว
ตายจากแก้ว คือพระรัตนตรัยในตัว
ตายจากบุญ วุ่นหาแต่บาป เมามัว
ไม่รู้ตัว บาปเข้าสิง เหมือนลิงแก้แห
 สุขหรือทุกข์ ของตน เราคือคนทำ
 จงรับกรรม อย่างมีสติ อย่าขี้บ่น
ตั้งสติ ใช้ขันติ ความอดทน
เดินถนน แห่งปัญญา ชัยชนะจะมา อีกทั้งความสำเร็จจะมี

เมื่อใจสะอาด ธรรมชาติ สวยงาม
วิบากกรรม แม้มี ก็มิอาจตามทัน
มีสติอยู่ภายในตน เดินถนนสายกลางเท่านั้น
ทานศีลภาวนา แม่นมั่น สุขสันติ์ตลอดกาล
 ชีวิต ถูกลิขิต ด้วยความสะอาด
ประหลาด แต่จริง อจินไตย
เก่งกาจ ฉลาด ขนาดไหน
สะอาด สดใส เป็นฐานราก
สะอาด บริสุทธิ์ สัตย์ซื่อ
นั้นก็คือ สัจจะคุณธรรม ล้ำค่า
 สุข สำเร็จ และชัยชนะ
 นอนมา ยิ่งใหญ่ คิดไม่ถึง
 บริสุทธิ์สะอาด สมบัติ คนจริง
มี ใจนิ่ง ใจใส ภายในตน
มีปีติ ดำริดี พูดดี ทำดี ต่อทุกคน 
 กระตือลือล้น แสวงบุญ สร้างบารมี
 สะอาดมีระเบียบ  มารยาทเฉียบ ยอดคน
นำประเทศชาติ มหาชน พ้นภัย
สุขสมบูรณ์ น้ำท่า ข้าวปลาอาหาร สะดวกสบาย
พญารมาร เกรงใจ ไม่กล้าราวี  

;;;;;;;;;;


วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2564

การเลี้ยงดูบุตรเป็นมงคล (เป็นมหากุศลของการครองเรือน) ชีวิตครอบครัว รู้กันดี มีภาระหนัก ฟูมฟักลูกรัก กว่าจักเติบใหญ่ เลี้ยงกายก็ยังยาก และที่ยากกว่า คือเลี้ยงใจ ยิ่งโลกยุคใหม่ ยุคโรคโควิด วิปริตผิดธรรมดา

การเลี้ยงดูบุตรเป็นมงคล
(เป็นมหากุศลของการครองเรือน)
ชีวิตครอบครัว รู้กันดี มีภาระหนัก
ฟูมฟักลูกรัก กว่าจักเติบใหญ่
เลี้ยงกายก็ยังยาก และที่ยากกว่า คือเลี้ยงใจ
ยิ่งโลกยุคใหม่ ยุคโรคโควิด วิปริตผิดธรรมดา
ผู้ไม่ประมาท จึงจะผงาด อยู่ได้
ไม่เจ็บป่วยไข้ มีกินมีใช้ ไม่อนาทร
เหมือนอยู่ในจุดเย็น ในเตาหลอม ไม่ทุกข์ร้อน
จุดเย็นซ่อน อยู่ภายใน คือศูนย์กลางกายนั่นเอง
จุดเย็น เป็นเช่นศูนย์กลางกาย
เอาใจนิ่งๆไว้ ณ ที่จุดนี้
บุญบารมีไหลมา สุขสมปราถนาเกิดมี
ศูนย์กลางกายนี้ คือจุดเย็นของชีวิต
โลกภายนอกศูนย์กลางกาย ตกอยู่ในกระแสวิบาก
ทุกข์ยิ่งนัก หาสุขไม่ได้ ยิ่งไปยิ่งมีปัญหา
ความสุขสมปราถนา คนหารู้ไม่ ซ่อนอยู่กลางกายา
คนดื้อไม่ศรัทธา หาสุขไม่เจอ เจอแต่สนุก สุกๆดิบๆ
 
การเลี้ยงดูบุตร สุดดี เป็นมงคล 
 ได้ฝึกได้ฝน คุณธรรมเลิศล้น พรหมวิหาร
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นั้น
มีสุขสันติ์ ปานพระพรหม เลยทีเดียว
บุพพการี พ่อแม่ดี บุตรกตัญญู
เคยเป็นผู้ บำรุงบิดามารดา มาก่อน
 มีอภิชาติบุตร สุดดี ดับทุกข์ร้อน
  เกิดมาช้อน มาดำรง วงศ์ตระกูล
  
บุพพการี กัลยาณมิตร ของบุตร
 ประดุจ อรหันต์ ตั้งแต่วัน ตั้งท้อง
 รอคอยบุตร สุดรัก ยิ้มย่อง
ประคับประคองท้อง ไม่ให้ต้อง อันตราย
ความรัก คู่ครอง ของศักดิ์สิทธิ์
เนรมิต บุตรดีได้ ดังใจหมาย
มอบรักแท้ ให้แก่กัน จนวันตาย
มอบใจกาย สงเคราะห์กัน ชีวิตมั่นคง
มีครอบครัว ยังเล่นหัว โทษหนัก
บุตร ผุดมาจาก อบายภูมิ
ก่อปัญหา อุปสรรคนานา รุม  
 หมดกลุ้ม ถ้ามอบรักแท้ ให้แก่กัน

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2564

กัลยาณมิตร (สะกิดต่อมศรัทธา) ศรัทธา เป็นอริยทรัพย์ นับค่าไม่ได้ ใครมีแล้วสบาย ทรัพย์ไหลมาเทมา ไม่อนาทรร้อนใจ ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า สุขสมปราถนา ย่อมมีมา ทุกประการ

กัลยาณมิตร
 (สะกิดต่อมศรัทธา)
ศรัทธา เป็นอริยทรัพย์ นับค่าไม่ได้
ใครมีแล้วสบาย ทรัพย์ไหลมาเทมา
ไม่อนาทรร้อนใจ ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า
สุขสมปราถนา ย่อมมีมา ทุกประการ
ผู้มีศรัทธา พร้อมศีลา มนุษย์และเทวดากราบไหว้
เพียบพร้อมด้วยยศใหญ่ และสมบัติ
ไม่ว่าที่ไหนๆ ติดตามไปทุกภพชาติ
ดังนั้นผู้มีปัญญา ย่อมไม่อาจ ขาดศรัทธาและศีล
ผู้มีศรัทธา กราบไหว้บูชา พระรัตนตรัย
เป็นกิจวัตร ขาดไม่ได้ บุญหลั่งไหลคุ้มครอง
ขจัดบาปอกุศล ทำตนให้บริสุทธิ์ อร่องฉ่อง
ปัญหาและภัยทั้งผอง ไม่พ้องพาน
ผู้มีศรัทธามีศีลา และไม่ตระหนี่ 
บุคคลเช่นนี้ เป็นที่พึ่ง ของหมู่ญาติได้
อีกทั้งหมู่ประชา มหาชน คนทั้งหลาย
ล้วนได้ประโยชน์ใหญ่ ใครๆคิดไม่ถึง
เหมือนพระอาทิตย์ สถิตย์อยู่บนฟ้า
ให้แสงแจ่มจ้า ให้ชีวา แก่สรรพสัตว์
ขาดดวงตะวันไม่ได้ สำคัญหลาย อย่างนั้น
จงศรัทธามั่น ในพุทธศาสนา บูชาพระรัตนตรัย
ศรัทธา เกิดขึ้นมาได้ จึงไม่ธรรมดา
ต้องมีคุณธรรมคารวะ และอ่อนน้อม
จึงได้คบหา กัลยาณมิตร สะกิดต่อม
 ใจโน้มน้อม ซาบซึ้ง จึงแสวงบุญสร้างบารมี
 เมื่อศรัทธาตั้งมั่น การงานย่อมสำเร็จโดยง่าย
ทุกอย่างล้วนใช่ ใช้บุญทั้งนั้น
 ขาดอากาศหายใจ เพียงตายชาตินี้ แล้วจบกัน
ขาดบุญ หล่อเลี้ยงชีวัน ตายแล้วตาย วนเวียนไปในวัฏฏะ

;;;;;;;;;; 

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

EVEN IN EXECUTED PRISON (PEOPLE STILL FUN AND PLAY) Life is a journey to the heights, towards Nirvana. But most people are to the low, flowing along like water,

EVEN IN EXECUTED PRISON
(PEOPLE STILL FUN AND PLAY)


Life is a journey to the heights, towards Nirvana.
But most people are to the low, flowing along like water,
 according to the current of karma and passion induced,
sufferings beating heavily
and diving down in Samsara/Life Cycle.

Samsara is the prison of execution.
There's so few talent that can get out of this prison,
owing to the devil using Avisha/ignorance to cover it up,
can't be preached and being very stubborn.

The Middle Way, Akayanamuk/single path,
the only way out of the life cycle,
is the Ariyamak/sublime path, 
passing through the center of the body,
 people does not knowingly.
Likely as, the grass nearby pen gate,
where the cattle do not care.
The life cycle, there are a total of 31 realms born.
Divided into two groups of realm, happiness and sorrow.
Heaven6 Rupprom16 Arupprom4 and hunan1,
these are happiness realms.
For the realm of sorrow is only Abuyapum4.

In these 31 realms, only human realm the best,
can seek merit.
Others are bad luck, only consume merit.
Likely as, farmer stop farming, only eat and play.
Only human realm seek and consume the product/merit.

On the heaven is joyous and happy,
with only consuming merit,
but, when the merit runs out,
the face will be green,
karma and passion induce to hell.
Angels envy the humans who can seek merit.
So hungry merit, scaring of  
suffering realm.

Humans are so short lived amazingly.
It's like a rain sponge, of the raining all over the universe.
Surprisingly, there such a big difference,
owing to devil depriving to seek merit
and to create Para Mi.

Life cycle is executed prison,
where it's almost impossible to escape.
Due to having the Life Cycle,
extremely hard to get out,
and having passion, so hard to regurgitate.
The mind of people like to be outward,
according to the emotion of greed, anger and ignorance

The lack of consciousness
is the big cause of the mind, not in the body.
So the mind is dim with defilement,
to cause bad deed and retribution,
and repetitive of life cycle, doubly.

The mind will be conscious, as so,
must have sublime friend/Kalayanamitr,
with excellent charisma/Para mi to build faith.
All Mahapuchaniyachan is extraordinary,
 coming down to subdue the devil/Paya Mara.

,,,,,,,,,,

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

อยู่ในคุกประหาร (ยังเบิกบานกันอยู่ได้) ชีวิตคือการเดินทางขึ้นสูง หมายมุ่ง พระนิพพาน แต่คนส่วนใหญ่นั้น ไหลลงต่ำ ตามกันเหมือนน้ำ ตามกระแส กิเลสกรรมวิบาก ชักนำ ทุกข์กระหน่ำ ดำดิ่ง ในวัฏฏสงสาร

 อยู่ในคุกประหาร
(ยังเบิกบานกันอยู่ได้)

ชีวิตคือการเดินทางขึ้นสูง หมายมุ่ง พระนิพพาน
 แต่คนส่วนใหญ่นั้น ไหลลงต่ำ ตามกันเหมือนน้ำ
ตามกระแส กิเลสกรรมวิบาก ชักนำ
ทุกข์กระหน่ำ ดำดิ่ง ในวัฏฏสงสาร

วัฏฏสงสาร ก็คือคุกประหาร นั่นเอง
คนเก่งๆ มีน้อยนัก ที่จะออกจากคุกนี้ได้
ด้วยพญามาร ใช้อวิชชา ปิดบังตาไว้
สั่งสอนไม่ได้ ดื้อหลาย บอกเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เชื่อ

ทางสายกลาง เอกานยมรรค ทางออกจากวัฏฏะ
เป็นทางเอกะ อริยมรรค สายเดียว
ผ่านศูนย์กลางกาย ภายในตน คนไม่เฉลียว
เหมือนหญ้าปากคอก นั่นเทียว วัวควายไม่เหลียวแล

วัฏฏสงสาร มีทั้งหมดด้วยกัน 31 ภูมิ
แบ่งเป็นสองกลุ่ม สุคติ กับทุคติ
สวรรค์6 รูปพรหม16อรูปพรหม4 และมนุษย์ภูมิ1 คือสุคติ
ส่วนทุคติ อบายภูมิ4 นั่นเอง

ใน31ภูมินี้ มีเพียงภูมิมนุษย์ ดีสุด แสวงบุญได้
นอกนั้นโชคร้าย เสวยผล ได้อย่างเดียว
เหมือนชาวนา เลิกทำนา เอาแต่เล่นแต่เที่ยว
มีมนุษย์ภูมิ ภูมิเดียว ที่ทั้งแสวงบุญและเสวยผล

บนสวรรค์ สุขสำราญ ด้วยเสวยผลบุญอย่างเดียว
เมื่อบุญหมดหน้าเขียว วิบากกรรมเหนี่ยว ลงอบาย
เหล่าเทวดา อิจฉา เหล่ามนุษย์ที่แสวงบุญได้
หิวกระหาย..บุญนัก ด้วยไม่อยากไปทุคติ

 ภูมิมนุษย์ก็อายุน้อยเหลือใจ คล้ายฟองน้ำฝนฟองหนึ่ง
เมื่อเทียบกับฟองน้ำฝน ซึ่ง ตกทั่วจักรวาล
น่าประหลาดใจ ที่ต่างกันไกล ปานนั้น
ก็ด้วยพญามารกีดกัน การแสวงบุญ สร้างบารมี

วัฏฏสงสาร คุกประหาร ยากแก่การหลบหนี
เนื่องด้วยมี วัฏฏะ กิเลสกรรมวิบาก สุดยากจะออก
เพราะมีตัณหา ความทยานอยาก ยากจะสำรอก
ใจคนชอบออก อยู่ภายนอก ตามอารมณ์โลภโกรธหลง

ใจขาดสติ นี้คือเหตุใหญ่ ใจไม่อยู่ในตัว
ใจจึงมืดมัวซัว ด้วยกิเลส เหตุ
ก่อกรรมวิบาก
เป็นวัฏฏะ วนไปมา ซ้ำซาก
ยิ่งนาน กิเลสยิ่งมาก ทับทวี

ใจจะมีสติ ต้องมีกัลยาณมิตร ผู้ประเสริฐ
ที่มีบารมีเลิศ ก่อเกิดศรัทธา
มหาปูชนียาจารย์ ทุกท่านไม่ธรรมดา
ท่านลงมา ปราบมาร โดยเฉพาะ

;;;;;;;;;;