พระในพุทธศาสนา
(เปรียบว่า เป็นอาทิตย์อุทัย)
พระพุทธองค์ ทรงบัญญัติไว้ วินัยสงฆ์ ให้พระลงบิณฑบาต เป็นวัตร กิจกรณีย์
ไม่ทรงให้ทำมาหากิน ด้วยศีลของสงฆ์นั้นมี
ศีลบริสุทธิ์ดี มิเป็นปัญหา ปัจจัยสี่มาเอง
สำหรับคนทั่วไป รักษาศีลห้าให้ได้ ก็พอ ทำมาหากินสุจริตล่อ สมบัติมารอ พร้อมพรั่ง
แต่การมีศีล ต้องตั้งใจวิรัติ บุญจึงจะประดัง
วิรัติมีสามอย่าง สมาทานวิรัติ สัมปัตตวิรัติ และสมุจเฉทวิรัติ
สมาทานวิรัติ เข้าวัด ถวายสังฆทาน ว่าตามพระสงฆ์ท่าน ไตรสรณคมณ์ ผสมศีลห้า
ตั้งเจตนาวิรัติ เว้นขาด ไม่ทำชั่วช้า
เพียงง่ายๆเท่านี้หละ จะซื้อง่ายขายคล่อง กำไรงาม
สัมปัตตวิรัติ เมื่อมีเหตุอุบัติ เฉพาะหน้า ตั้งท่า จะพูดผิด ทำผิด คิดได้ทัน
นึกถึงการผิดศีลา ช่างน่า หวาดหวั่น
ลงนรกโลกันต์ จึงตั้งสติอดกลั้น อดทน
สมุจเฉทวิรัติ ละได้เด็ดขาด พระอริยเจ้า ด้วยหมดกิเลส ใจเกลี้ยงเกลา ใสสว่าง
กรรมอันใด ไร้เจตนาทำลายล้าง
เป็นกรรมเบาบาง เหมือนดั่ง ตาลยอดด้วน
บิณฑบาต เพื่อโปรดสัตว์ เป็นวัตรของพระ เป็นที่พึ่งของประชา ผู้แสวงหาบุญ
ปลูกฝังศรัทธา เมื่อได้เห็นพระ จิตจะอบอุ่น
บุญเกื้อหนุน สังคมสมบูรณ์ พูนสุข
ชาวประชาเห็นพระ เป็นทัศนานุตริยะ ที่ประเสริฐ
เหมือนพระเจ้าอโศกมหาราช ศรัทธาเกิด
ได้เห็นสามเณรน้อย ผู้ประเสริฐ บิณฑบาต
ผู้ประพฤติธรรม สงบเสงี่ยมงาม เห็นแล้วใจสงบ เกิดจิตเคารพ จึงเข้าพบ น้อมนบไหว้
ได้ฟังธรรม ตรองตาม ศรัทธาไสว
ชีวิตพลิกผันเปลี่ยนไป อย่างยิ่งใหญ่ ฝักใฝ่ทางธรรม
เข้าสู่เส้นทางสายกลาง ทางพ้นทุกข์ ทิ้งทางสนุก ทุกข์ถนัด ที่มีแต่ขัดข้อง
มาสู่เส้นทางธรรม สวยงาม อร่องฉ่อง
หนึ่งไม่มีสอง เส้นทางสายกลาง
ปุถุชนทั้งหลาย แหวกว่าย ในทะเลร้าย
มีปลาเล็กใหญ่ ไล่ กัดกิน
โกลาหล กระเสือกกระสน สุดชีวิน
โอกาสสิ้น มืดมน อนธกาล
พระเป็น เช่น อาทิตย์อุทัย
เปล่งแสงใส อุ่นละไม แก่สรรพสัตว์
ชาวประชา กราบก้ม ประนมหัตถ์
นำอาหารสารพัด ใส่บาตร ชื่นใจ
;;;;;;;;;;