วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เป็นผู้ให้ (จะได้มากที่สุด) เทวดา ทูลถามพระพุทธองค์ว่า ใครหนา ที่ว่า เป็นผู้ที่ได้มากที่สุด พระองค์ ทรงตรัสตอบว่า ผู้ที่ให้ได้อุตลุด สลัดบาปหลุด บุญผุดสะพลั่ง

เป็นผู้ให้
(จะได้มากที่สุด)

เทวดา ทูลถามพระพุทธองค์ว่า
ใครหนา ที่ว่า เป็นผู้ที่ได้มากที่สุด
พระองค์ ทรงตรัสตอบว่า ผู้ที่ให้ ได้อุตลุด
สลัดบาปหลุด บุญผุดสะพลั่ง

อีกอย่าง การให้ เปรียบได้กับปลูก
ชาวนาคิดถูก เก็บข้าวส่วนหนึ่ง ไว้ทำพันธุ์
เก็บไว้นิดหน่อย แต่ว่าขยาย ได้ผลมหันต์
บุญให้ผลยิ่งกว่านั้น เป็นอนันต์ นับไม่ได้

บัณฑิต ย่อมคิดแต่จะให้
ไม่คิดเอาเปรียบใครๆ รักศีลรักวินัย ยิ่งกว่า
รักบุญสุดชีวี ชีวิตนี้ สละ
รักสันโดษสมถะ แสวงบุญญา สร้างบารมี

การให้ คือการได้ สมบัติสาม
มีนาม ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ
บุญเป็นอริยทรัพย์ บันดาลได้สารพัด
อจินไตย ให้สุขสมมาด สมปราถนา

สละแม้น้อยนิด ด้วยจิตศรัทธา
สมบัติไหลมา เป็นแม่น้ำ
ให้ด้วยศีลา ได้สมบัติมา เป็นห้วงน้ำ
ให้ด้วยภาวนา ยิ่งมากล้ำ เหมือนน้ำมหาสมุทร

ดังนั้น ทานศีลภาวนา นั่นหละทางสมบัติ
ทางสลัด..ออก ลอกกิเลส โลภโกรธหลง
ทางให้ทรัพย์ ให้อวัยวะ ให้ชีวา ปลดปลง
ทางสายกลาง ไม่หลง..กระแสโลก กามคุณ

หวงคือไล่ ให้ คือเรียก
ใครสำเหนียก..ได้ รู้ไว้ คนเหนือคน
เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ ฉลาดในบุญกุศล
มีปัญหาน้อยใหญ่ ก็รู้จักอดทน อดกลั้น

การให้ เป็นเรื่องยิ่งใหญ่  สัมมาทิฏฐิ
คือมีความเห็นถูก เรื่องโลกนี้ และโลกหน้า
จึงไม่หลงกล คนพาล หมู่มารา
ภัยอันตรายนาๆ ไม่เข้ามาใกล้

ไม่หลงเหยื่อมาร ตัณหาบาน กามคุณ
ไม่ยอมสูญ..เสียเวลา อันมีค่า ซึ่งมีน้อย
เป็นผู้ให้ ขนเสบียงไป ไม่มีถอย
มีชีวิตเลิศลอย สมบัติสาม ติดตามชีวิต

;;;;;;;;;;

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น