แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หิริโอตัปปะ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หิริโอตัปปะ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

สติดี (จึงจะมีความสุขความเจริญ) สติดี เพียงที่ คิดจะทำบาป ก็ถึงกับมีหิริโอตัปปะ ทั้งอายทั้งกลัวไม่กล้า เหมือนพระเตมีใบ้ จึงอดทนอดกลั้น รักษามั่น กายวาจาใจ เก็บใจไว้ภายใน ใส่ใจ ฝึกสติเจริญภาวนา

สติดี
(จึงจะมีความสุขความเจริญ)
สติดี เพียงที่ คิดจะทำบาป ก็ถึงกับมีหิริโอตัปปะ 
ทั้งอายทั้งกลัวไม่กล้า เหมือนพระเตมีใบ้
จึงอดทนอดกลั้น รักษามั่น กายวาจาใจ
เก็บใจไว้ภายใน ใส่ใจ ฝึกสติเจริญภาวนา 
บัณฑิต คือบุคคล ผู้ฝึกตน เป็นประจำ
ทุ่มเทชีวิต ทุกเช้าค่ำ ฝึกสติ เจริญภาวนา
เดินทาง ตามทางสายกลางภายใน นั่นหละ
กระทั่งบรรลุธรรมกายา พระรัตนตรัยในตัว
สติดี มีอุปการะมาก
เป็นเครื่องให้ตื่นจาก โลกโลกีย์
เป็นโลกมายา โรงละคร ย้อนอดีตก่อนกี้
นี้คือฤทธี กิเลสกรรมวิบาก สุดยากที่คนจะดูออก
สติดี รู้จักรักษาตน คนบัณฑิต
รักษาจิต เอาใจไว้ในตน
ไม่ตามใจ ไม่ตามอารมณ์ อดทน
หลุดพ้นวังวน กิเลสกรรมวิบาก วัฏฏะจักรของมาร
เข้าสู่กระแสบุญ อันอบอุ่น ของพระนิพพาน
มีปีติสุข อันโอฬาร อันใครคิดไม่ถึง
พร้อมด้วย ความเมตตากรุณา เป็นที่พึ่ง
 ประหนึ่ง..เป็น จุดเย็น ในเตาหลอม

 สติดี เหมือนมี บิดามารดา
บุพการี อุปการะ หมดทุกข์ร้อน
 ให้ความสุข เมตตา กรุณา และเอื้ออาทร
บิดามารดร เป็นพรหมของบุตร
คนสติดี มีความเจริญทุกเมื่อ
ยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง
เพราะคนสติดี มีใจหยุดใจนิ่ง
แปลกแต่จริง บุญวาสนา จะมาเป็นสาย
คนสติดี จะมีความสุข เป็นเครื่องหมาย
ด้วยใจไม่วุ่นวาย สับสน
จะนิ่ง สุกใสสว่าง อยู่ในกลางกายตน
มีสุขท่วมท้น เป็นธรรมดา ด้วยอานุภาพบุญ
คนสติดี นี่หละ คนประเสริฐ
คือคนดีเลิศ มนุษย์และเทวาเทิดไท้ บูชา
นำพามหาชน พ้นทุกข์ภัย ในวัฏฏะ
เป็นคนยากจักหา ใครพบเห็น เป็นโชคดี

;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

คนดีมีสติปัญญา (มหาชนรักใคร่) :: คนดีคือผู้ที่ มีสติปัญญา คนโง่สมองหนา เป็นคนดีไม่ได้ โง่แล้วขยัน บ้านเมืองวอดวาย อันตรายสุดที่ เหมือนผีห่าลง

คนดีมีสติปัญญา
(มหาชนรักใคร่)

คนดีคือผู้ที่ มีสติปัญญา
 คนโง่สมองหนา เป็นคนดีไม่ได้
โง่แล้วขยัน ทำบ้านเมืองวอดวาย
อันตรายสุดที่ เหมือนผีห่าลง
คนดี ไม่ใช่ผู้ที่ มีเพียงใบปริญญา
 อาจแสบหน้าหนา ถ้าไม่มีศีล
ฉลาด แต่แฉลบ ตีนไม่ติดดิน
เล่ห์ลิ้น ปลูดปลาด ฉลาดจริงๆ
คนดีมีสติปัญญา รู้ว่าเกิดมาทำไม
สัจจะยิ่งใหญ่ มีใจมุ่งมั่น
มีศรัทธา มีกตัญญุตา เป็นประกัน
มีครูดี ตามท่าน สร้างบารมี
สติปัญญา เปรียบว่า ต้นไม้
กิ่งก้านใบ เปรียบได้ ทานศีลภาวนา
เปลือกหนาอดทน ดอกผลสมบัติ นั่นหละ
ส่วนรากแก้ว คือเมตตา ศรัทธา กตัญญู
คนดีมีสติปัญญา บัณฑิตา ทางธรรม
มีกตัญญูค้ำ เป็นคุณธรรม เครื่องหมาย
อีกทั้ง อัตตสุทธิและบริสุทธิ ใจไสว
มหาชนรักใคร่ สังคหะ
 คนดีมีสติปัญญา จะมีหิริโอตัปปะ
เป็นคนเป็นพระ จะไม่ทำตัวเหลวไหล
ไปติดกะโหลกกะลา ได้ไง
อายบาป กลัวบาป จัญไร หยาบช้า
คนดีมีสติปัญญา จึงรักษาศีล
ศีล คือความสะอาดกายวาจา
ใจใส รักสะอาด มีระเบียบ เป็นลักษณะ
 เป็นศีลอริยะ มีมารยาท
คนดีมีสติปัญญา จะชอบให้
ด้วยรู้ว่าเสนียดจัญไร คือความตระหนี่
ใจกว้างเป็นหนทาง คนดี
มีเพื่อนแท้เพื่อนดี คบหามากมาย
คนดีมีสติปัญญา จะชอบภาวนา
เจริญสติเจริญปัญญา เป็นชีวิต
เดินทาง ผ่านศูนย์กลางกาย มุ่งสู่ทิศ
พระธรรมกายสถิตย์ พระรัตนตรัยในตัว

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

ช่วยคนได้ (ใช่ คือยอดคน) :: การสร้างบารมี คิดให้ดี คือการช่วยคน

ช่วยคนได้
(ใช่ คือยอดคน)
การสร้างบารมี
คิดให้ดี คือการช่วยคน
 วางอุเบกขา ถ้าหากว่า เรื่องส่วนตน
เรื่องของคนหรือศาสนา อุเบกขาวาง
บุญวาสนา ก็คือบารมี
ที่เราทำไว้ก่อนกี้ มิไปไหน
ตามติด คุ้มชีวิต ให้ปลอดภัย
กิเลสจัญไร ก็ไม่ไปไหน เช่นกัน
ความเพลินภายนอก
กิเลสมันหลอก ให้เราเพลิน
เหมือนไก่หลงเหยื่อ เดิน
เพลินกับเหยื่อ ไม่รู้เหนือใต้
  
คนน้อยนิด
รู้จักคิด หาสุขภายใน
เป็นสุขสันโดษ สุขหลาย
สุขคลายตระหนี่ 
เป็นนักสร้างบารมี
ทุ่มชีวี ไม่กลัวม้วย
ยิ่งทุ่มยิ่งรวย ยิ่งสวย
ยังได้ช่วย สังคม
สุขภายนอกแม้น้อยนิด
คิดจะจาก นั้นยากเหลือ
ด้วยเสพคุ้น ไม่มีเบื่อ
เหลือเชื่อ ยิ่งเสพยิ่งติด
ต้องมีสุขภายใน
จึงจะชนะได้ ไม่ยาก
เกิดปัญญา จึงรู้จัก
กลัวและอายนัก ที่จักทำชั่ว
สุขภายในแปลกแท้
ไม่มีข้อแม้ เผื่อแผ่ช่วยเหลือ
เห็นสรรพสัตว์เสมือนญาติเครือ
 เมตตาเหลือ ไม่เบื่อช่วยคน
 การช่วยคน
คือการช่วยตน นั่นเอง
ให้ก่อนจึงได้มา บานเบ่ง
อันคนเสงเครง ไม่เข้าใจ 
เป็นคนดี มีหมู่คณะ
ทำอะไรจะ สำเร็จได้ง่ายๆ
และยังมีชีวี ปลอดภัย
อจินไตย เป็นได้ ด้วยบารมี
  
;;;;;;;;;;    

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ทางบัณฑิต (ทางพ้นทุกข์):: ธัมมัญญุตา ธรรมะของ สัตตบุรุษ รู้ดีสุด เรื่องทฤษฎี ที่เรียนรู้

ทางบัณฑิต
(ทางพ้นทุกข์)
ธัมมัญญุตา
ธรรมะของ สัตตบุรุษ
รู้ดีสุด
เรื่องทฤษฎี ที่เรียนรู้
รู้จักบุญคือธรรม
ค้ำชีวิต
ด้วยบุญลิขิต
ชีวิตจึงเจริญ
รู้วิธีปฏิบัติ
อัตถัญญุตา
แตกฉานเนื้อหา
ศึกษาเรียนรู้
ปฏิบัติได้ผลดียิ่ง
รู้จักตนจริง อัตตัญญุตา
รู้แจ่มแจ้ง กระทั่งว่า
หิริโอตัปปะ เกิด
 จึงมานะอดทน
ฝึกตน ทนกิเลส
ตามทางสายกลาง แสนวิเศษ
ทนกิเลส มัตตัญญุตา
กาลัญญุตา เพียรพยาม
กิจวัตรงาม สม่ำเสมอ
 สมาธินำ สุขล้ำเลิศเลอ
ปานละเมอ ใจหยุด ผุดผ่อง
แสงสว่างแจ่มจ้า
ปัญญาเกิด
รู้เห็นประเสริฐ
เกิดศรัทธายิ่ง
 ไม่อาจอยู่นิ่งๆที่บ้าน
ใจมันบาน ต้องการมาวัด
กับหมู่คณะ ธรรมะปฏิบัติ
 นี่หละชัด ปริสัญญุตา
 ปริสัญญุตา
รู้ว่า มาถูกวัด
 ได้พบครู ยิ่งศรัทธาจัด
 มาวัดไม่ขาด ศรัทธาแรง
 ปุคคละ ปโร ปรัญญุตา 
เหมือนหลวงพ่อธัมมฯ พบปะยายฯ
 เป็นอจินไตย
ด้วยยายฯ ใครๆไม่ชอบ
นี้คือทางบัณฑิตา
ผู้มีปัญญา ทางธรรม
บุญชี้นำ
เลิศล้ำ ชีวิต

;;;;;;;;;;

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

อยู่เฉยไม่ได้ (เดี๋ยวไหลลงต่ำ) :: การเสียสละ เป็นวิชาชีวิต ให้แล้วจึงได้ น่าคิด หมดสิทธิ์ ไม่ให้ก็ไม่ได้

อยู่เฉยไม่ได้
(เดี๋ยวไหลลงต่ำ)
การเสียสละ
เป็นวิชาชีวิต
ให้แล้วจึงได้ น่าคิด
หมดสิทธิ์ ไม่ให้ก็ไม่ได้
ที่ได้ได้มานั่นหนา
เพราะว่า บุญเก่า
ไม่ใช่หนึ่งสมองสองมือของเจ้า
อย่าเขลา เข้าบ่วงมาร
เหมือนแม่น้ำใหญ่
ที่ไม่เคยแห้ง
น้ำเก่าไหลไป น้ำใหม่ไหลมาแรง
ยิ่งให้ยิ่งแบ่ง ยิ่งใหญ่
บุญอยู่เบื้องหลัง
ความสุขความสำเร็จ ทั้งหลาย
ควรหญิงชาย
ขวนขวาย สั่งสมบุญ
กายอาศัยอาหาร
ส่วนใจนั้น อาศัยบุญ
เสียสละให้คุ้น
จึงรู้จักว่าบุญ มีจริง
คนดีจึงตัดอาลัย
สละได้ ทุกสิ่ง
บุญมีจริงดีจริง
ทุกสิ่ง อยู่ที่บุญ
ไม่เสียสละก็ไม่ได้
บาปดีใจ เข้ายึดครอง
ใจลอยล่อง เสียสติ
มีดำริ ทางต่ำ
ขาดหิริโอตัปปะ
กล้าทำ บาปกรรม
ใจมืดดำ ชั่วร้าย
เหมือนสัตว์ในอบายภูมิ
อยู่เฉยๆก็ไม่ได้
เดี๋ยวก็ไหล ลงต่ำ
 เป็นปลาตาย ลอยตามน้ำ
จะพ้นบาปกรรม ต้องปีนป่าย
 ชีวิตสรรพสัตว์
เหมือนมีฝูงสุนักไล่กัด ไม่เลิก
มิอาจเพิก ทำเฉย
ละเลยได้
อย่าคิดว่า
ตนเองสะบาย ไม่เป็นไร
ทำเฉยไม่สนใจ
แน่ไซร้ ตายทั้งเป็น

;;;;;;;;;;