แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สงฆ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สงฆ์ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565

กฐินบุญใหญ่ (รับโชคชัย รักใคร่สามัคค๊) วัดกับบ้าน สองประสาน วันกฐิน ทั่วทุกถิ่น กลับกลาย คล้ายสวรรค์ รับโชคชัย อยู่ดี มีสุขทั่วหน้ากัน โลกและสวรรค์ ปานผืนเดียว

กฐินบุญใหญ่
(รับโชคชัย รักใคร่สามัคค๊)
 กฐินบุญใหญ่ ได้บุญนัก
เนื่องจาก ทำได้ยาก นั่นเอง
เป็นกาลทาน และต้องทำอย่างรีบเร่ง
พระพุทธองค์เอง ยังต้องทรง ลงมาช่วย


 ต้องกรานให้เสร็จให้ได้ ภายในหนึ่งวัน
มิฉนั้น ไม่ได้การ กรานกฐิน
พระทุกรูป มหาชน ทั้งสิ้น
กฐิน จึงเป็นปิ่น ของบุญ
 ผ้ากฐิน ใช้ตัดสินวัดเจริญ
มหาชนไม่เมิน มีศรัทธา
วันกฐินวันสำคัญ ชวนกันมา
พร้อมหน้า แสวงบุญญา สร้างบารมี
บุญกฐิน เป็นพระปัญญา พระพุทธองค์
ที่จะดำรง พระศาสนา
อีกทั้งยังได้ เพิ่มพูนศรัทธา
แก่ปวงมหา ประชาชน
บุญกฐินสุดสำคัญ กาลทาน
แม้พระพุทธองค์ท่าน ยังทรงลงมา
ทรงร้อยเข็มช่วย ไม่ธรรมดา
นับเป็นวาสนา ถ้าใครได้มาชิดใกล้
เหมือนพระพุทธองค์ไท้ ยังคงอยู่
ได้อานิสงส์ ได้เป็นผู้ อยู่ชิดใกล้
 มีศรัทธา เกิดในแดนพุทธศาสนา ตลอดไป
สมบูรณ์พูนสุข ไร้ทุกข์ภัย ตลอดกาลนาน
บุญกฐินทำได้ยาก
มีข้อจำกัดนัก ๗ประการ
หนึ่ง เป็นสังฆกรรม และทำเป็นสังฆทาน 
 ถวายสงฆ์เท่านั้น ไม่เจาะจง
สอง จำกัดด้วยกาลเวลา
ตั้งแต่ออกพรรษา ภายในเวลา๑เดือน
สาม จำกัดงาน ให้กราน ไม่แชเชือน
กรานให้เสร็จไม่เลื่อน ในวันรับกฐิน
สี่ จำกัดไทยธรรม คือผ้า
ที่นำมา เป็นผ้ากฐิน
ถูกต้องตามพุทธานุญาติ ทั้งสิ้น
มิฉนั้น กฐิน ไม่เป็นอันกราน
ห้า จำกัดผู้รับผ้าฯ
ในวัดมีพระ ผู้จำพรรษาครบไตรมาส
ตั้งแต่๑รูปขึ้นไป ไม่ขาด
และ๕รูปขึ้นไปอนุญาติ กรานได้ ในโบสถ์
หก จำกัดคราวไว้ รับได้ ปีละครั้ง
ผู้มีศรัทธา หวังบุญใหญ่ จึงจับจองวัด
เจ็ด เป็นกรณีย์พิเศษ ที่พระบรมครู ทรงตรัส
  ให้จัด ทำผ้ากฐินขึ้น
วัดกับบ้าน สองประสาน วันกฐิน
ทั่วทุกถิ่น กลับกลาย คล้ายสวรรค์
รับโชคชัย อยู่ดี มีสุขทั่วหน้ากัน
โลกและสวรรค์ ปานผืนเดียว
;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ทำลายวัด (เท่ากับกัดหางตน) :: หลักความยุติธรรม คุณงามความดี หลักนี้อยู่ได้มั่นคง ก็ด้วยสงฆ์ สามัคคี คิดให้ดี การทำลายวัด เท่ากับกัด หางตน

ทำลายวัด
(เท่ากับกัดหางตน)

 
บ้านเมืองพินาจ ถ้าขาด หลักค้ำ
หลักความยุติธรรม คุณงามความดี
หลักนี้อยู่ได้มั่นคง ก็ด้วยสงฆ์ สามัคคี
คิดให้ดี การทำลายวัด เท่ากับกัด หางตน
พระศาสนา เหมือนดังว่า พระอาทิตย์
สว่างไสว อยู่เนืองนิจ สถิตย์อยู่ฟากฟ้า
แม้โลกจะมืดมิด พระอาทิตย์ ก็ยังสว่างจ้า
จะยังคงอยู่ คู่กับฟ้า คนมีบารมี อนันตกาล
คนมีบารมี ไม่ว่าอยู่ที่ใด
พุทธศาสนา จะไป อยู่ที่นั่น
บุญบารมี เป็นที่น่าอัศจรรย์
มารไม่อาจกั้น ผู้มีวาสนาบารมี
ไทย เปรียบได้สนามรบ พระกับมาร
รุกรบ รอนราน จะจบอย่างไร
ศาสนาจะอยู่ คู่ไทย ได้หรือไม่
เป็นเรื่องภายใน บุญกับบาป พระกับมาร

ขึ้นอยู่กับบุญกุศล ของคนไทย
ของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้มีอำนาจ
บุญของอาณา ประชาราษฏร์
เมืองไทย บุญขาด ชาติจึงมีปัญหา
ไทยทุกวันนี้ บุญบารมีพร่อง
จึงต้อง สวดธรรมจักร
และบวชพระ บวชเณร จึงต้องนัก
เป็นหลัก..หมื่น หลักแสน
พระกับมาร โรมรัน ประลองฤทธิ์
เกินความนึกคิด คนทั่วไป
สงครามตัวแทน คนเห็นได้
สงครามภายใน คนไม่เห็น
อีกอย่าง คนดี มีบารมี จะรับรู้
นั่งบนภู ดูสนุกสนาน
พ้นภัยพิบัติ ฤทธื์มาร
ส่วนคนโง่ดักดาน มหันตทุกข์
จึงต้องเป็นคนดี หนีภัยได้
ศาสนาเหมือนเรือใหญ่ มีกินมีใช้สะบาย
เป็นคนเลวก็รวยได้ รวยใหญ่
รวยได้ง่ายๆ แต่สุดท้าย ไปไม่รอด
 
ผู้มีบารมี มีวาสนา ศาสนา จะไปหาถึงที่
ก็ด้วยเหตุนี้ จึงมีวัดไทย ในที่ต่างแดน
คนดีมีบารมี เนืองแน่น
เหมือนกับน้ำ ย่อมแล่น ไหลลงทะเล

;;;;;;;;;;

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ถวายอาหารเป็นสังฆทาน (สุดเปรียบปาน อานิสงส์) อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ สุดสำคัญ ของการอยู่ดี มีสุขา มีอายุยืนนั้น สำคัญปานพสุธา สรรพชีวิตมรณา อยู่ไม่ได้ ถ้าไร้แผ่นดิน

 ถวายอาหารเป็นสังฆทาน
(สุดเปรียบปาน อานิสงส์)

อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
สุดสำคัญ ของการอยู่ดี มีสุขา
มีอายุยืนนั้น สำคัญปานพสุธา
สรรพชีวิตมรณา อยู่ไม่ได้ ถ้าไร้แผ่นดิน

วรรณะ คือผิวพรรณ เฉิดฉัน ปานทองทา
เป็นเสน่หา ของมนุษย์ สุดนิยม
มนุษย์และเทวา พากันอุ้มสม
สุขบรม ย่อมมีมา ชตาชีวิต


สุขะ ทั้งสุข และสมปราถนา
 มนุษย์และเทวดา รักใคร่
นึกคิดสิ่งใด ก็ได้ดังใจ
สมบัติใหญ่ ตามติด ชีวิตสะบาย

พละ มีกำลัง ดังช้างสาร
มีร่างกายทนทาน ต่อดินฟ้าและโรคภัย
ศัตรูครั่นคร้าม เกรงขาม สู้ไม่ได้
คนพาลคนภัย ห่างไกล หนีห่าง

 ปฏิภาณ ฉลาด ปราดเปลียว
ชาญเชี่ยว..สรรพศาสตร์ สรรพวิชา
ฉลาดในการฑูต พูดจา
นำพา ปวงประชา กินดีอยู่ดีมีสุข

สิ่งทั้งห้า แน่ละ ขาดไม่ได้
 อานิสงส์ จากการถวาย อาหารพระ
การประคองชีวิตนั้นง่าย ถ้าไม่ไร้ปัญญา
ดังนั้น อย่ารอช้า บำรุงศาสนา สังฆทาน

ถวายอาหาร น่าอัศจรรย์ ยิ่งใหญ่ 
น่าอัศจรรย์ใจ ในคุณอนันต์
สงฆ์ เป็นประมุข ของผู้ต้องการบุญ คิดไม่ถึงกัน
ถวายอาหาร เป็นสังฆทาน จึงจำเป็น

พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า
ทำทานกับสัตว์นั่นหนา แม้ร้อยครั้ง
ไม่เท่าทำกับมนุษย์ แม้ทุศีล หนึ่งครั้ง 
ทำกับผู้ทุศีลร้อยครั้ง ไม่เท่าทำกับผู้มีศีลครั้งเดียว

ทำทาน กับผู้มีศีลห้า ร้อยครั้ง 
ก็ยังไม่เท่า 
หนึ่งครั้ง ของผู้มีศีลแปด 
ทำกับผู้มีศีลแปดร้อยครั้ง ไม่เท่าหนึ่งครั้ง ของผู้มีศีลสิบ 
ทำกับผู้มีศีลสิบร้อยครั้ง ก็ไม่เท่าครั้งเดียว ของสมมุติสงฆ์

พระพุทธองค์ตรัสว่า พระสงฆ์สาวก อีกทั้งบุพการี
เป็นผู้ที่ มีคุณมาก
ผู้มีปัญญา มีสัมมาทิฏฐิ จึงตระหนัก
อุปัฏฐาก ได้บุญนัก 
รักษาตน

;;;;;;;;;;

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

สรรพสัตว์ทั้งหลาย (ล้วนใช่ สายพันธ์ุธรรมกาย) เราเกิดมาให้ รู้ไว้ด้วย จะสวย จะรวย จะสมปราถนา ย่อมขึ้นอยู่กับบุญวาสนา เป็นบุญญา ปางก่อน

สรรพสัตว์ทั้งหลาย
(ล้วนใช่ สายพันธ์ุธรรมกาย)
เราเกิดมาให้ รู้ไว้ด้วย
จะสวย จะรวย จะสมปราถนา
ย่อมขึ้นอยู่กับบุญวาสนา
เป็นบุญญา ปางก่อน
ก็เพราะอย่างนั้น
ในปัจจุบัน ดูกันไม่ออก
คนชั่วก็รวยได้ คนหลอกๆ
ดูไม่ออก ว่าบุญอยู่เบื้องหลัง
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
ให้สัตว์นั่นหนา ได้อานิสงส์ ๕๐๐ชาติ
ให้คนทุศีล ๑,๐๐๐ ชาติ
ได้ แสนชาติ ให้คนมีศีล
ให้ นักบวชนอกศาสนา
หรือว่า นักบุญ ฤาษี
แม้ปฏิบัติถึงที่
กำหนัดไม่มี ก็ตาม
ได้อานิสงส์ แสนโกฏชาติ
น่าประหลาด แม้ไม่ต่ำ
แต่ก็ไม่ได้ความ
ยังต่ำเทียบไม่ได้
เทียบไม่ได้กับการให้ สงฆ์แม้ทุศีล
ห้อยผ้าชิ้นน้อย เท่านั้น
ในอนาคตกาลไกลโพ้น เกินฝัน
มีอานิสงส์ เป็นอนันต์ นับไม่ได้
ในยุคปัจจุบัน
เหมือนฝัน สงฆ์ท่านกลับมาใหม่
ทุกอย่างสมบูรณ์ คล้าย
สมัยพุทธกาล
สงฆ์ยังเป็นสงฆ์สมบูรณ์
ด้วยคนมีบุญ มาเกิดมาก
หลวงปู่ฯ หลวงพ่อ บุญนัก
ท่านมาจาก ดุสิตบุรี
ท่านกอบกู้ธรรมกายพุทธแท้
ท่านเอาแน่ ปราบมาร
ติดตามโรมรัน
ปราบมาร ถึงสุดธรรม
ธรรมกาย ไล่ ประชิตหมู่มาร
ที่หาญผยอง
ยัดกิเลส ภัยเภท สุดลำพอง
สรรพสัตว์ทั้งผอง ดังต้องมนต์
มีธาตุธรรมอ่อน แพ้ภัยมาร
ที่ก่อการ ยัดกิเลส
รู้สึกต่อต้านธรรมกาย ให้สังเกต
และยังหาเหตุ ล้มล้าง
ธัมมัญญุตา อันว่าคนดี
มีปัญญา รู้จักว่าเหตุที่ ให้สุขทุกข์
แสวงบุญสร้างบารมี เหตุของสุข
 ให้ทุกข์ภัยเภท คือกิเลส ของมาร

 ;;;;;;;;;;

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ตรองให้ดี (เลี้ยงชีวีด้วยทาน):: ศีลสมาธิปัญญา ทางดำรงชีวา ของสงฆ์ เป็นทางตรง สูงส่งยิ่งนัก

ตรองให้ดี
(เลี้ยงชีวีด้วยทาน)
ศีลสมาธิปัญญา
ทางดำรงชีวา ของสงฆ์
เป็นทางตรง
สูงส่งยิ่งนัก
 ทานศีลภาวนา ของฆราวาส 
ประหลาด ของสงฆ์เริ่มที่ศีล
 ศีล เป็นเครื่องทำมาหากิน
พระมีศีล โยมศรัทธา จึงมาถวาย
ฆราวาส ใช้ทานทำมาหากิน
ไม่ใช่สักแต่ดิ้น ขยัน
ดิ้นแทบตาย ไม่สำคัญ
เกาถูกที่คันนั้น  ทานต่างหาก
 คนใจกว้าง หากินง่าย
จะหยิบจับอะไร สะบาย
ซื้อง่าย
ขายคล่อง กำไรงาม
พระพุทธองค์
ทรงห้ามสงฆ์ ทำมาหากิน
เพียงรักษาศีล 
ก็เหลือกิน เหลือใช้
ฆราวาส
 ไม่อาจละทานได้
จะโชคดี มีชัย
หัวใจ เศรษฐีใจบุญ
ตรองให้ดี
 เลี้ยงชีวี ด้วยทาน
 บุญจะไหลผ่าน
 การงานดี เป็นผล
ศีลรักษา
ประพฤติภาวนา ของตน
รวยสวยฉลาด คนเหนือคน
เดินบน เส้นทางบุญ
ใช้ชีวิตเรียบง่าย
เหลือกินเหลือใช้ ทาน
มีปัญญา รู้จักพึ่งพากัน
ชีวิตสุขสันติ์ อยู่กัน ฉันญาติมิตร
เมืองมนุษย์
ดุจสวรรค์ งามวิจิตร
นี้คือชีวิต ที่ถูกต้อง
ตามทำนอง คลองธรรม
ในยุคพระศรีอารยะ
โลกจะ เป็นอย่างนั้น
ยุคนี้ยุคพระกาฬ
หมู่มาร คึกคนอง
 แสดงฤทธิ์ อำนาจ
 บังอาจ จองหอง
อันเป็นโอกาส ทอง
ของ นักสร้างบารมี

;;;;;;;;;;